หมวดหมู่: บลจ.

TISCOคมศร ประกอบผล


ทิสโก้ เวลธ์ ยกทัพกูรูเจาะกลยุทธ์ลงทุนปี 62 จัดสรรเงินสร้างกำไร-หลบภัยในภาวะตลาดป่วน

      ทิสโก้ เวลธ์ จัดงานสัมมนา TISCO Wealth Investment Forum ยกทัพกูรูวิเคราะห์เจาะกลยุทธ์การจัดพอร์ตส่งท้ายปี หัวข้อ ‘ทันเกมลงทุนปี '62 เจาะลึกโอกาสสร้าง Wealth ท่ามกลางความผันผวนโลก’เผยปี 2562 ตลาดโลก-ไทยผันผวนหนัก แนะเพิ่มความระมัดระวัง-เลือกลงทุนหลากหลายประเภทสินทรัพย์ -ซื้อหุ้นรายตัว พร้อมจับตาความเสี่ยงอย่างใกล้ชิด คาดดัชนีหุ้นไทยครึ่งปีแรกแตะ 1,780 จุด

      นายคมศร ประกอบผล หัวหน้าฝ่ายกลยุทธ์การลงทุน ศูนย์วิเคราะห์เศรษฐกิจและกลยุทธ์ทิสโก้ (Mr.Komsorn Prakobpol, Head of Strategy Unit, TISCO Economic Strategy Unit : TISCO ESU) เปิดเผยในงานสัมมนา TISCO Wealth Investment Forum ว่า ในปี 2562 ภาพใหญ่ของเศรษฐกิจโลกค่อนข้างน่าเป็นห่วง เพราะมี "ตัวฉุดเยอะ แต่ตัวช่วยน้อย" โดยตัวฉุดหลักมาจาก 1.สงครามการค้า หากสหรัฐฯ และจีนไม่สามารถหาข้อตกลงกันได้จะส่งผลกระทบต่อภาคการส่งออกให้ชะลอตัวลงอย่างชัดเจนและกระทบต่อเศรษฐกิจโลกอย่างเต็มที่ในปีหน้า จากปีนี้ที่ตัวเลขการส่งออกของทั่วโลกน่าจะเติบโตได้ในระดับที่ค่อนข้างดี เพราะผู้ประกอบการเร่งส่งออกสินค้าก่อนที่ผลของการประกาศขึ้นภาษีจะมีผลบังคับใช้ 2. แรงส่งจากการปรับลดภาษีและเพิ่มการใช้จ่ายของรัฐบาลสหรัฐฯ คาดว่าจะแผ่วลงในช่วงปลายปีหน้า และจะเป็นปัจจัยฉุดเศรษฐกิจต่อเนื่องไปถึงปี 2563 และ 3. แรงกดดันจากการขึ้นภาษีการบริโภคของญี่ปุ่นในเดือน ต.ค. 2561 อาจทำให้เศรษฐกิจญี่ปุ่น ซึ่งเป็นเศรษฐกิจใหญ่อันดับ 3 ของโลกหดตัว

        ขณะที่ตัวช่วยมีน้อยลง จากภาครัฐและธนาคารกลางมีเครื่องมือจำกัดที่จะกระตุ้นเศรษฐกิจในกรณีที่เศรษฐกิจชะลอลงแรง หากพิจารณาจากนโยบายการเงิน เช่น นโยบาย QE และนโยบายดอกเบี้ย ที่กำลังถูกถอนออกเรื่อยๆ เนื่องจากเงินเฟ้อเริ่มฟื้นตัว ทำให้นโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจไม่มีความจำเป็นอีกต่อไป โดยธนาคารกลางสหรัฐฯ จะเดินหน้าลดงบดุลและขึ้นดอกเบี้ยอย่างต่อเนื่อง ขณะที่ธนาคารกลางยุโรป (ECB) จะหยุด QE ภายในสิ้นปีนี้ และเริ่มขึ้นดอกเบี้ยในไตรมาส 3 ปีหน้า ทำให้นโยบายการเงินเริ่มตึงตัวขึ้น และสภาพคล่องที่ล้นโลกเริ่มถูกทยอยดึงออกทีละน้อย

      ด้านนโยบายการคลัง ก่อนหน้านี้สหรัฐฯ ถือเป็นประเทศใหญ่ประเทศเดียวที่ยังพอมีกระสุนในการกระตุ้นเศรษฐกิจ แต่สหรัฐฯ กลับนำกระสุนมาใช้อย่างพร่ำเพรื่อ โดยได้ประกาศลดภาษีทั้งนิติบุคคลและบุคคลธรรมดาลงในปีที่แล้ว รวมทั้งผ่านร่างงบประมาณเพิ่มการใช้จ่ายและการลงทุนภาครัฐ จึงทำให้เศรษฐกิจสหรัฐฯ ขยายตัวได้อย่างร้อนแรงในปีนี้ แต่ปกติการกระตุ้นเศรษฐกิจในลักษณะนี้มักจะทำในช่วงเศรษฐกิจขาลงเท่านั้น ขณะที่สถานการณ์ปัจจุบันนั้นตรงกันข้าม โดยอัตราการว่างงานสหรัฐฯ ต่ำกว่า 4% ซึ่งต่ำสุดในรอบ 50 ปี การบริโภคและการลงทุนภาคเอกชนขยายตัวดีมาก ดังนั้น การดำเนินนโยบายดังกล่าวจึงกลายเป็นการสร้างภาระหนี้ภาครัฐโดยไม่จำเป็นและยังเป็นข้อจำกัดในการกระตุ้นเศรษฐกิจในอนาคต

Click Donate Support Web

ais 790x90

GC 950x120

SIAM790x90

ooKbee1

corehoon NEW2

 

 

ข่าวล่าสุด!!