หมวดหมู่: สัมภาษณ์พิเศษ

นอกกรอบ: 'ชฎาทิพย์ จูตระกูล' สร้างความต่างไปพร้อมความล้ำสมัย

     ไทยโพสต์ : ในช่วงระยะเวลา 12 เดือนที่ผ่านมา วงการธุรกิจค้าปลีกและอสังหาริมทรัพย์มีความร้อนแรงมากที่สุด โดยมีมูลค่าการ ลงทุนจากผู้ประกอบการกว่า 2.1 แสนล้านบาท และด้วยภาพการแข่งขันที่รุนแรง ผู้ประกอบการจึงต้องหันมาสร้างสิ่งที่เป็นแรงผลัก เพื่อให้ธุรกิจสามารถแข่งขันในตลาดได้ทันท่วงที กลยุทธ์อย่างหนึ่งที่สำคัญที่ "สยามพิวรรธน์" เลือกหยิบมาใช้ นั่นคือ "การสร้างความต่าง" นางชฎาทิพย์ จูตระกูล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท สยามพิวรรธน์ จำกัด ผู้บริหารศูนย์การค้าพารากอน, สยามเซ็นเตอร์, สยามดิสคัฟเวอรี่ และพาราไดซ์พาร์ค กล่าวว่า เรามีจุดยืนที่แข็งแกร่งด้วยการเป็นผู้นำทางความแตกต่าง เลือกเป็นผู้นำประสบการณ์ที่ล้ำกว่า ไม่ยึดติดกับรูปแบบเดิมๆ ทำให้ดำเนินธุรกิจมาได้อย่างต่อเนื่อง ทุกโครงการที่เราได้ทำต้องสร้างชื่อเสียงและสามารถดึงดูดนักท่องเที่ยวทั่วโลกเข้ามาได้ ซึ่งมั่นใจว่าสิ่งที่เราจะสร้างขึ้นต้องแปลกกว่าและเหนือกว่าใครในอนาคต เป็นการแข่งขันกับตัวเองในการสร้างศูนย์การค้าแต่ละแห่งให้ไม่มีรูปแบบที่เหมือนกัน ลูกค้าที่เข้ามาจะพบกับเอกลักษณ์เฉพาะตัวของโครงการนั้นๆ

     แผนการลงทุนของสยามพิวรรธน์นับตั้งแต่ปี 2558-2562 เป็นระยะเวลา 5 ปี มีการใช้เงินลงทุนกว่า 55,000 ล้านบาท โดยจะยังเน้นกลยุทธ์หลักคือการเป็นผู้นำความคิดสร้างสรรค์ที่ล้ำสมัย พร้อมกับนำเสนอคอนเซ็ปต์แปลกใหม่ในการพัฒนาโครงการต่างๆ รวมถึงค้าปลีกลักษณะใหม่ในโครงการที่กำลังจะเกิดขึ้นในอนาคต "ปัจจัยที่จะชี้วัดความสำเร็จของสยามพิวรรธน์ ไม่ใช่เพียงแต่คอนเซ็ปต์ที่แปลกใหม่ แต่คือการดำเนินธุรกิจให้ดำรงอยู่ได้ และพัฒนาเพื่อลูกค้าต่อเนื่องอย่างไม่หยุดนิ่ง การให้บริการเหนือระดับการตลาด เราจะสร้างประสบการณ์ให้แก่ผู้บริโภคทั้งในเมืองไทยและระดับโลกอย่างไม่มีที่สิ้นสุด" นางชฎาทิพย์กล่าว

     สำหรับ งบประมาณดังกล่าวสามารถแบ่งออกเป็นการใช้เพื่อพัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์และค้าปลีกเป็นจำนวน 42,000 ล้านบาท แบ่งเป็นส่วนของโครงการไอคอนสยามประมาณ 20,000 ล้านบาท ขณะที่งบประมาณอีกจำนวน 10,000 ล้านบาท จะเป็นการร่วมทุนกับทางพาร์ตเนอร์ต่างประเทศไม่ว่าจะมาจากทางยุโรป อเมริกา และเอเชีย เพื่อดำเนินธุรกิจอีก 3-4 โครงการ ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นธุรกิจรูปแบบใหม่ หรือเป็นโครงการเกี่ยวกับบันเทิง ศิลปวัฒนธรรม รวมไปถึงค้าปลีกอีกหลายประเภท จะเริ่มทยอยสร้างต่อเนื่องในอีก 3-5 ปีข้างหน้า โดยงบการลงทุนที่เหลืออีก 3,000 ล้านบาท สยามพิวรรธน์ได้เตรียมแผนที่จะลงทุนในธุรกิจค้าปลีกรูปแบบใหม่ที่ไม่เคยมีผู้ประกอบการรายใดทำมาก่อน จะอยู่ในรูปแบบของแบรนด์แฟรนไชส์จากต่างประเทศ หรือคิดขึ้นเอง

    นางชฎาทิพย์ กล่าวว่า ท่ามกลางการแข่งขันที่ค่อนข้างสูงขณะนี้ จึงต้องมีกลยุทธ์ที่ทำให้ธุรกิจสามารถเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดย ภายหลังจากลงทุนตามแผนที่ได้วางไว้ มั่นใจว่าจะเพิ่มรายได้ให้บริษัทเติบโตเป็น 2 เท่า หรือเกือบ 60,000 ล้านบาท ภายใน 3 ปี จากปีที่ผ่านมามีรายได้เกือบ 30,000 ล้านบาท

    การแข่งขันธุรกิจค้าปลีกในอีก 5 ปีข้างหน้า จะยังคงมีความรุนแรงและดุเดือดเพิ่มขึ้นทวีคูณอย่างแน่นอน ไม่ว่าจะเป็นพื้นที่แนวรถไฟฟ้าหรือพื้นที่แห่งอื่นที่มีศักยภาพ ก็จะมีผู้ประกอบการสนใจลงทุนต่อเนื่อง แต่การแข่งขันที่รุนแรงย่อมเป็นผลดีแก่ผู้บริโภค

    "การทำธุรกิจของเราต้องมีวิสัยทัศน์ที่ค่อนข้างมีความชัดเจน และต้องไม่ประหยัดเรื่องของมาตรฐาน การคืนทุนของเราต้องใช้ระยะเวลายาว 7-8 ปี เรียกได้ว่านานกว่ารายอื่น ซึ่งพาร์ตเนอร์ที่เข้ามาทำธุรกิจกับเราต้องเข้าใจตรงนี้ เพราะเราไม่ใช่เพียงแค่แสวงหาผลกำไร แต่ต้องการสร้างประสบการณ์ ซึ่งกุญแจแห่งความสำเร็จของเราจะเดินไปตาม One Step Ahead ทุกโครงการต้องล้ำเทรนด์ล้ำยุค เข้าใจตลาด เข้าใจลูกค้า เพราะเดี๋ยวนี้ผู้บริโภคมีความชาญฉลาดในเรื่องของเทรนด์ หรือเรียกว่าเป็นมนุษย์เทรนด์ เราจึงต้องสร้างสิ่งที่ตอบโจทย์เขาให้ได้" นางชฎาทิพย์กล่าวปิดท้าย.

ooKbee1

corehoon NEW2

 

 

ข่าวล่าสุด!!