หมวดหมู่: สัมภาษณ์พิเศษ

มุมมองนักบริหาร : กิตติ…มั่นใจในอนาคตของ NCL ขยายตัวต่อไปได้อีกมาก…

   แนวหน้า : กิตติ…มั่นใจในอนาคตของ NCL ขยายตัวต่อไปได้อีกมาก…เมื่อเศรษฐกิจฟื้นในปีหน้า..

   ปี 2558 เป็นอีกปีหนึ่งที่หลายๆ คนหวังว่าเศรษฐกิจไทยจะฟื้นตัวได้ดีกว่าปีนี้ เพราะมีปัจจัยบวกจากการขยายตัวของการส่งออกที่คาดกันว่าน่าจะอยูที่ 4-5%และที่สำคัญคือการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานด้านต่างๆ ของรัฐ ซึ่งจะส่งผลให้เงินสะพัดในระบบมากขึ้น กระตุ้นกำลังซื้อของประชาชนให้กลับมาอีกครั้ง และแน่นอนว่าเมื่อกิจกรรมทางเศรษฐกิจคึกคัก ภาคธุรกิจขนส่งย่อมได้รับอานิสงส์ทางบวกมากขึ้นด้วยเช่นกัน

  กิตติ พัวถาวรสกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เอ็นซีแอลอินเตอร์เนชั่นแนล โลจิสติกส์ จำกัด(มหาชน) (NCL) กล่าวกับ “มุมมองนักบริหาร” ว่า บริษัทเอ็นซีแอลฯ ประสบการณ์กว่า 18 ปี ด้านโลจิสติกส์ แบ่งธุรกิจเป็น 2 กลุ่มหลัก คือ การให้บริการจัดการขนส่งระหว่างประเทศ และบริการขนส่งในประเทศ ด้านการให้บริการจัดการขนส่งระหว่างประเทศ มีทั้ง บริการด้านการวางแผน, จัดหา และจองระวางเรือ/เครื่องบิน บริการด้านพิธีการศุลกากร บริการจัดหา, ประสานงาน และจัดการขนส่งในต่างประเทศบริการด้านคลังสินค้า ขณะที่ การให้บริการขนส่งในประเทศ ประกอบด้วย บริการด้านการวางแผนและขนส่งสินค้าด้วยรถบรรทุกหัวลาก-หางลาก โดยบริษัทมีรถบรรทุกหัวลาก-หางลากไว้บริการ 50 หัวและ 98 หาง บริการด้านคลังสินค้า

   ทั้งนี้ สัดส่วนรายได้ของบริษัท แบ่งเป็นดังนี้ 1.รายได้จากการให้บริการจัดการขนส่งระหว่างประเทศ สัดส่วนประมาณ 85-90% ของรายได้ และจากการขนส่งในประทศ สัดส่วนประมาณ 10-15% นอกจากนี้รายได้เติบโตอย่างต่อเนื่องทั้งสองกลุ่มธุรกิจโดยอัตราการเติบโตการส่งระหว่างประเทศเติบโต 43.15% ส่วนในประเทศ เติบโต 27.95% และสินทรัพย์ของบริษัทเพิ่มขึ้น อย่างต่อเนื่องโดยส่วนประกอบหลักได้แก่ ลูกหนี้การค้า และรถบรรทุกหัวลาก-หางลากโดยบริษัทใช้เงินกู้ยืมระยะสั้นและเงินเพิ่มทุนเป็นแหล่งเงินทุนหมุนเวียนในธุรกิจรับจากการขนส่งระหว่างประเทศ และใช้การทำสัญญาเช่าการเงินในการลงทุนในรถบรรทุกหัวลาก-หางลากอัตราส่วนหนี้สินต่อทุนลดลงจาก 5.06 เท่าในปี 2554 เป็น 1.98 เท่า ณ 30 มิ.ย. 2557 จากการเพิ่มทุนและผลประกอบการที่เพิ่มขึ้น ขณะที่อัตรากำไรขั้นต้นอยู่ในระดับ 18-21% และอัตรากำไรสุทธิอยู่ที่ระดับ 3-4%

   “ถ้าพูดถึงประสบการณ์ของเรา ในปี 2537 เริ่มให้บริการขนส่งระหว่างประเทศไทยกับทวีปสหรัฐอเมริกา ปี 2539-2543-ขยายเส้นทางการให้บริการสู่เอเชียและยุโรปปี 2554-เริ่มให้บริการขนส่งในประเทศด้วยรถบรรทุกหัวลากและหางลาก จำนวน 13 หัว 21 หางเปิดจุดให้บริการด้านเอกสารการส่งออกและนำเข้าที่ท่าเรือคลองเตย ปี 2555-ตั้ง สำนักงานสาขาที่ อ.พุนพิน จ.สุราษฎร์ธานี ซื้อรถหัวลากและหางลากเพิ่มเป็น 41 หัว 78 หาง บจก. เค-เอสเอ็มอี ร่วมลงทุนในบริษัท ปี 2556เพิ่มรถบรรทุกหัวลากและหางลากเป็น 51 หัว 98 หาง แปรสภาพจากบริษัทเป็นบริษัทมหาชน จำกัด จนกระทั่งมาถึงปี 2557 เริ่มให้บริการจัดหาและบริหารจัดการคลังสินค้า”

   ทั้งปีหลังจากนี้ไป บริษัทมีแผนที่จะขยายธุรกิจขนส่งในประเทศด้วยรถหัวลาก-หางลาก รวมทั้งเปิดจุดบริการรับส่งสินค้าเพิ่มขึ้นอีก 2 แห่งภายในปี 2558 ได้แก่ จุดให้บริการที่จังหวัดสงขลา เพื่อให้บริการรับส่งสินค้าในเส้นทางระหว่างท่าเรือแหลมฉบังและท่าเรือสงขลาหรือท่าเรือปีนัง และจุดให้บริการที่จังหวัดอุดรธานี เพื่อให้บริการรับส่งสินค้าในเส้นทางระหว่างท่าเรือแหลมฉบังและจังหวัดอุดรธานี ซึ่งเป็นการรองรับการเติบโตของกลุ่มลูกค้าเดิมของบริษัท และเตรียมความพร้อมเพื่อรองรับปริมาณการขนส่งสินค้าที่จะผ่านประเทศไทย ภายหลังจากการรวมตัวกันของกลุ่มประเทศอาเซียนเป็นประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน(AEC)

    จากแผนการขยายธุรกิจนี้ เราจึงต้องเข้าระดมทุนในตลาดหลักทรัพย์ฯ ด้วยการ เสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนให้กับประชาชนเป็นครั้งแรก (IPO) จำนวน 95 ล้านหุ้น มูลค่าที่ตราไว้ (พาร์) หุ้นละ 0.25 บาทในราคาหุ้นละ 1.80 บาท ซึ่งถือเป็นระดับราคาที่เหมาะสมกับปัจจัยพื้นฐานของบริษัท โดยมีส่วนลดให้กับนักลงทุนสูงถึง 49.82% เมื่อเปรียบเทียบกับค่า P/E เฉลี่ยของตลาดหลักทรัพย์เอ็ม เอ ไอ ในช่วง 1 ปีที่ผ่านมา (18 ต.ค. 2556-17 ต.ค. 2557) โดยได้เปิดให้จองซื้อหุ้นไปแล้วระหว่างวันที่ 3-5 พฤศจิกายนนี้ และจะจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์เอ็ม เอ ไอ ในวันที่ 11 พฤศจิกายนนี้ โดยใช้ชื่อย่อในการซื้อขายว่า “NCL”

  “ที่ผ่านมาเราได้เดินทางไปโรดโชว์ 8 จังหวัด ประกอบด้วย นครราชสีมา ชลบุรี เชียงใหม่ หาดใหญ่ กรุงเทพฯ ขอนแก่น ภูเก็ต และพิษณุโลก ซึ่งนักลงทุนให้การตอบรับอย่างล้นหลามเนื่องจากธุรกิจของ NCL มีความแข็งแกร่งและศักยภาพการเติบที่โดดเด่น สำหรับการกำหนดราคาขายหุ้นไอพีโอของ NCL ในครั้งนี้ถือเป็นระดับราคาที่เหมาะสมกับปัจจัยพื้นฐานที่แข็งแกร่งและศักยภาพในการเติบโตจากธุรกิจบริการด้านการจัดการระบบโลจิสติกส์แบบครบวงจร ทั้งบริการขนส่งภายในประเทศ และจัดการขนส่งระหว่างประเทศ โดยมีส่วนลดให้กับนักลงทุนถึง 49.82% ดังนั้น ผมจึงเชื่อมั่นว่าหุ้น NCL จะได้รับความสนใจ จากนักลงทุนเป็นอย่างมาก และจะสร้างผลตอบแทนที่น่าพอใจให้กับนักลงทุนด้วย”

    ส่วนเงินที่ได้จากการระดมทุนในครั้งนี้ จะนำไปลงทุนซื้อรถบรรทุกหัวลาก-หางลาก, ชำระคืนหนี้สถาบันการเงิน และใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียน เพื่อเพิ่มศักยภาพของบริษัทให้มีความแข็งแกร่งและมีอัตราการเติบโตที่ดีในอนาคต โดยธุรกิจให้บริการขนส่งภายในประเทศด้วยหัวลากของบริษัทถือเป็นธุรกิจหลักอันดับสอง ที่นอกจากจะสร้างรายได้เพิ่มเติมให้กับบริษัทแล้ว ยังเป็นการเพิ่มความต่อเนื่องในการให้บริการแก่ลูกค้าได้อย่างครบวงจรอีกด้วย

    “มั่นใจว่า ในอนาคต NCL จะสามารถขยายตัวต่อไปได้อีกมากจากเงินทุนหมุนเวียนที่มีมากขึ้น ซึ่งจะทำให้บริษัทมีฐานะทางการเงินที่แข็งแกร่งขึ้น มีชื่อเสียงเป็นที่รู้จัก และได้รับการยอมรับในฐานะที่เป็นบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์เอ็ม เอ ไอ” คุณกิตติกล่าวทิ้งท้าย

     อนันตเดช พงษ์พันธุ์

ooKbee1

corehoon NEW2

 

 

ข่าวล่าสุด!!