คุยนอกรอบ: สรวุฒิ มานะสมจิตร ผู้บริหารคลื่นลูกใหม่กับวาไรตี้วันว่าง

       ไทยโพสต์ : สราวุฒิ มานะสมจิตร ผู้บริหารคลื่นลูกใหม่ของวงการอสังหาริมทรัพย์วัย 30 ต้นๆ ซึ่งผู้บริหารท่านนี้จบการศึกษาชั้นประถมและมัธยมจากโรงเรียนสาธิตจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย หลังจากนั้นได้เข้าทำการศึกษาต่อที่คณะวิศวกรรม ศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย พอเรียนจบปริญญาตรี เริ่มเข้ามาทำธุรกิจในวงการอสังหาริมทรัพย์ในปี 2548 ในตำแหน่งกรรมการบริหารของบริษัท เอสเตท กูรู จำกัด ซึ่งเป็นธุรกิจของครอบครัว โดยบริษัทได้พัฒนาที่ดินและโครงการบ้านเดี่ยว อาคารพาณิชย์ ทาวน์เฮาส์ อพาร์ตเมนต์ มาอย่างต่อเนื่อง

    หลังจากที่ได้เรียนรู้ด้านเทคนิคกับงานด้านวิศวกรรม แต่สิ่งที่จำเป็นมากๆ อีกเรื่องในการทำธุรกิจใดๆ ให้ประสบความสำเร็จ คือการจัดการบริหารทรัพยากรที่เรามีอยู่ให้เกิดประโยชน์สูงสุด จึงสมัครเข้าเรียนต่อปริญญาโทคณะเศรษฐศาสตร์ จุฬาลง กรณ์มหาวิทยาลัย และพอเรียนจบก็ได้รับความไว้วางใจจากกรรมการบริหารเข้าทำงานที่ บมจ.ฮาริสัน ดำรงตำแหน่งผู้ช่วยผู้อำนวยการในบริษัท และได้มีส่วนร่วมในการบริหารและดูแลแผนการตลาดและการขายให้กับโครงการใหญ่ๆ มากมาย รวมมูลค่าการขายมากกว่า 3,000 ล้านบาท และตัดสินใจเข้าศึกษาต่อทางด้านอสังหาฯ โดยตรงที่ UNIVERSITY OF WESTMINSTER ลอนดอน ประเทศอังกฤษ

     พอเริ่มมีประสบการณ์มากขึ้นก็ได้ร่วมกับหุ้นส่วนจัดตั้งบริษัท โอริน ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด โดยธุรกิจของบริษัท โอริน ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด เน้นการพัฒนาด้านที่อยู่อาศัยและพื้นที่ในแนวสูง เช่น โครงการคอนโดฯ ออริจินส์ พระราม 2 ในขณะที่เอสเตท กูรู พัฒนาโครงการแนวราบในรูปแบบของทาวน์โฮม อาคารพาณิชย์ ผลงานที่ผ่านมา โครงการวิสด้อม เพชรเกษม 53, วิสด้อม อนามัย-งามเจริญ เป็นต้น

     นอกจากนั้น มีส่วนร่วมในการจัดตั้งบริษัท เอสเตท โปรทีม จำกัด เพื่อเป็นบริษัทที่รับให้คำปรึกษาโครงการและบริหารการขายแบบ One Stop Service ให้บริการครบสมบูรณ์ในจุดเดียวเบ็ดเสร็จ ปัจจุบันโครงการที่ให้คำปรึกษามีหลายโครงการทั้งในพื้นที่กรุงเทพฯ และต่างจังหวัด

     สำหรับ กิจกรรมวันว่าง สมัยเรียน โรงเรียนสาธิตจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ต่อเนื่องมาจนกระทั่งเรียนคณะวิศวกรรม ศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย มีความสนใจเป็นพิเศษทางด้านดนตรี โดยที่สมัย เรียนยังเคยร่วมกับเพื่อนๆ ทำอัลบั้มเล่นๆ เพื่อการกุศล นำรายได้ถวายช่วยวัดพระบาท น้ำพุ อำเภอพระพุทธบาท จังหวัดสระบุรี

     นอกเหนือจากงานด้านอสังหาริมทรัพย์ และการออกกำลังกาย ก็ชอบหาร้านอาหารใหม่ๆ สวยๆ ทาน ซึ่งถือเป็นการได้พบปะเพื่อนๆ และเปิดประสบการณ์ใหม่ๆ เพิ่มขึ้น ยังร่วมหุ้นกับเพื่อนๆ เปิดร้านอาหาร Beerosophy ที่ Mega Bangna และกีฬาก็ยังเป็นอีกกิจกรรมหนึ่งที่ให้ความสนใจอย่างจริงจังตลอดมา โดยเข้าไปใช้บริการที่ RBSC Polo Club อย่างสม่ำเสมอ วิ่งเทรดมิลล์ วิ่งบนลู่ แล้วแต่จังหวะและสภาพอากาศในแต่ละวัน วันไหนร้อนมากก็จะวิ่งในห้องแอร์

     สำหรับ กิจกรรมล่าสุดที่ยังคงให้เวลาอย่างสม่ำ เสมอในช่วงประมาณ 2 ปีให้หลังจนถึงขณะนี้ คือ การต่อยมวย ซึ่งเริ่มต้นจากการที่เพื่อนสนิทชวนไปลอง และเมื่อได้ลองเรียนแล้วรู้สึกว่าใช่ จึงเรียนต่อๆ มาเรื่อยๆ

     ทั้งนี้ อาจจะมีเหตุผลบางส่วนมาจากความชอบส่วนตัวในวัยเด็ก ที่ชื่นชอบกีฬามวยปล้ำมากเป็นพิเศษ ซึ่งมักไปเช่าวิดีโอมาดูคราวละเยอะๆ มีความฝังใจกับการต่อสู้อยู่พอสมควร เมื่อได้มีโอกาสมาลองชกมวย จึงทุ่มเทให้กับกีฬาประเภทนี้อย่างเต็มที่ แม้จะ เหนื่อยมาก หนักมาก ต้องซ้อม วอร์ม อัพร่างกาย กระโดดเชือก หัดชกลม ซ้อมล่อเป้า ซ้อมชกกับครูฝึก ซึ่งก็ทำ ให้มีพัฒนาการมากขึ้น หนักขึ้น เร็วขึ้น อึดขึ้น แต่เหนือสิ่งอื่นใดที่เห็นว่าได้มาอย่างมาก ซึ่งสามารถนำไปปรับใช้กับการทำงานและชีวิตประจำวันได้อีกอย่าง คือ สมาธิ  'มวย' เป็นกีฬาที่ได้ออกกำลังกายทุกส่วน

     นอกจากได้ความรู้ ได้ทักษะในการป้องกันตัว ได้ความแข็งแรง ได้ฝึกความอดทน ที่สำคัญยังได้ฝึกสมาธิอีกด้วย เพราะหากเราไม่มีสมาธิกับสิ่งที่อยู่ตรงหน้าก็อาจพลาดเจ็บตัวได้" ผู้บริหารหนุ่มกล่าวทิ้งท้ายถึงผลดีของกีฬาประจำชาติไทย.