หมวดหมู่: สัมภาษณ์พิเศษ

คุยนอกรอบ: 'กำพล ปัญญาพฤฒิโชติ' โมเดลธุรกิจเพื่อโชวห่วย

       ไทยโพสต์ : ‘ซื้อง่าย ขายคล่อง เรายกสำเพ็งมาไว้ที่นี่’น่าจะเป็นสโลแกนอันคุ้นตาของกลุ่มลูกค้านิยมจับจ่ายของกันยกโหลภายในร้าน "ไทยมาร์ท" อย่างแน่นอน แม้ว่าสภาพของตลาดค้าปลีกที่ผ่านมาจะค่อนข้างเงียบเหงา แต่ทว่ายอดขายของไทยมาร์ทยังสามารถเติบโตได้ถึง 24% นับว่าสวนกระแสผู้ประกอบการรายอื่นเป็นอย่างมาก นายกำพล ปัญญาพฤฒิโชติ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท ไทยมาร์ท สโตร์ จำกัด ผู้บริหารศูนย์ค้าส่งสินค้าสำเพ็ง ภายใต้ชื่อ "ไทยมาร์ท" เล่าว่า ธุรกิจของเรายังคงมีการปรับตัวดีขึ้นตามลำดับ มองว่าค้าปลีกจะมีการปรับตัวกันทุก 3 ปี หลายธุรกิจเคยเน้นที่ตัวโปรดักส์ก็มาขยายพื้นที่กันมากขึ้น ในส่วนของเราจะมีการปรับภายในหรือโมเดลการทำงานมากกว่า โดยเลือกที่จะปรับให้สอดคล้องกับเทคโนโลยีสมัยใหม่ มองว่าตอนนี้อี-คอมเมิร์ซ เข้ามามีบทบาทมากขึ้น บริษัทจึงได้เตรียมพัฒนาแอพพลิเคชั่นเพื่อเป็นตัวช่วยให้กับลูกค้าที่ส่วนใหญ่จะเป็นร้านโชวห่วยของเราทำงานได้ง่ายและมีประสิทธิภาพกันมากขึ้น รวมถึงยังได้ทำให้การขนส่งของเราสามารถตอบสนองลูกค้าได้เร็วขึ้นอีกด้วย

     ปัจจุบันไทยมาร์ท เปิดให้บริการอยู่ 9 สาขา และจะเปิดให้ครบ 20 สาขาภายในระยะเวลา 1-2 ปีนี้ โดยยังตั้งเป้าที่จะขยายให้ครบถึง 300 สาขาในอนาคต บนทำเลศักยภาพที่มีอัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจที่ดีและแนวโน้มของกำลังซื้อค่อนข้างสูง เพื่อเป็นการรองรับลูกค้าที่เป็นร้านโชวห่วยกว่า 3 แสนร้านค้าทั่วประเทศ

    นายกำพล เล่าต่อว่า ห้างค้าปลีกคนไทยทุนไม่เหมือนกับต่างชาติ การทำธุรกิจจึงต้องดำเนินอย่างค่อยเป็นค่อยไปมากกว่า หากทุนเราพร้อมในแต่ละปีก็อยากเปิดให้ได้สัก 10 สาขา แต่หากทำได้สัก 4-5 สาขาก็ถือว่าพอใจแล้ว การขยายสาขาของเราอาจจะมีการดึงพันธมิตรค้าส่งที่ไม่ไลน์สินค้าไม่ตรงกับเราเข้าไปเปิดด้วยกัน เรียกได้ว่าเป็นการส่งเสริมการทำธุรกิจร่วมกัน รวมถึงยังมองไปถึงการขยายไปยังพื้นที่เขตเศรษฐกิจพิเศษและการค้าชายแดน เราได้ไปดีลไว้หลายที่พอสมควร แต่ก็ต้องคำนึงถึงต้นทุนด้วย จึงจำเป็นต้องมีพันธมิตรเพื่อให้โลจิสติกส์มันมีราคาถูกลง โดยพื้นที่ในกรุงเทพฯ ก็ยังพอมีบางแห่งที่สามารถขยายไปได้อยู่ ขณะเดียวกันในต่างจังหวัดตอนนี้เราก็มองอยู่หลายที่ อาทิ พระนครศรีอยุธยา

   จะสังเกตได้ว่า ผู้ที่มีงานประจำจะหันมานิยมหารายได้เสริมกันมากขึ้น หรืออยากเป็นเจ้าของกิจการ เพื่อตอบสนองกลุ่มคนดังกล่าว ผู้บริหารหนุ่มจึงมีไอเดียเปิดโมเดล "ร้านสำเพ็ง" ขึ้น เพื่อเปิดโอกาสให้ผู้ประกอบการหน้าใหม่ที่สนใจมีธุรกิจของตนเองได้ลงทุนนั่นเอง ขณะนี้ก็อยู่ระหว่างการพัฒนาเพื่อสร้างร้านสำเพ็งต้นแบบ คาดว่าจะเปิดสาขาแรกได้ในไตรมาส 1 ของปีนี้ "การขยายสาขาที่เร็วจึงจะสามารถมีรายได้จำนวนมากนั้น ประสบการณ์ของเราที่ผ่านมาบอกว่าไม่ใช่เสมอไป เพราะหากคุณภาพหรือบุคลา กรไม่ได้พร้อมตามไปด้วยก็คงจะไม่เป็นเช่นนั้น ในอนาคตต้องมีอะไรที่มีการพัฒนามากกว่านี้ ลูกหลานของกลุ่มลูกค้าในปัจจุบันที่มีความสนใจเข้ามาเป็นผู้ประกอบการรายใหม่นั้น เขาต้องการที่จะมีระบบไอทีที่สามารถควบคุมระบบการทำงานภายในร้านได้ เราก็ต้องหาวิธีหรือระบบเพื่อรองรับกลุ่มดังกล่าวด้วยเช่นกัน" นายกำพลกล่าว

    ในส่วนของนักลงทุนหน้าใหม่ที่กำลังสนใจมีธุรกิจเป็นของตัวเอง "ร้านสำเพ็ง" คงเป็นอีกหนึ่งทางเลือก โดยทางไทยมาร์ทจะเข้ามาเป็นผู้ให้คำแนะนำแก่กลุ่มผู้สนใจ พร้อมด้วยการจัดหาสินค้าให้ไปจำหน่ายภายในร้าน ลักษณะของร้านค้าดังกล่าวจะมีทั้งในแบบของอาคารพาณิชย์ 1 คูหา, 2 คูหา, คีออส และแบบแผงค้า "การเปิดตัวของห้างใหญ่มีการดึงตัวบุคลากรเกิดขึ้นค่อนข้างรุนแรง นั่นทำให้เราต้องเตรียมความพร้อมให้มากก่อนที่จะขยายสาขาแต่ละแห่ง ผมมองว่าอำเภอเศรษฐกิจในประเทศไทยมีเยอะ การขยายของเราก็คงจะตอบสนองกลุ่มลูกค้าที่มีอยู่ แต่ต้องไม่ไปกระทบกับวิถีชีวิตของเขา ผู้ประกอบการรายเก่าเราจะเดินหน้าเข้าไปเสริมเรื่องอี-คอมเมิร์ซ ส่วนบุคคลที่ทำงานแล้วอยากมีอาชีพเสริม คือผู้ประกอบการรายใหม่ที่เราพร้อมสนับสนุน"นายกำพลกล่าวปิดท้าย.

ooKbee1

corehoon NEW2

 

 

ข่าวล่าสุด!!