นายสมหมาย ภาษี รมว.คลัง เปิดเผยว่า ในการประชุม คณะอนุกรรมการข้าราชการพลเรือน หรือ อ.ก.พ. กระทรวงการคลัง ได้พิจารณาความผิดทางวินัยของข้าราชการกรมสรรพากร 3 ราย โดยลงโทษทางวินัยไล่ออกข้าราชการกรมสรรพกร 2 รายระดับ ซี9 คือ 1.นายป้อมเพชร วิทยารักษ์ นักวิชาการสรรพากรเชี่ยวชาญ สำนักงานสรรพากรภาค 7 เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งนักวิชาการสรรพากรชำนาญการพิเศษ สำนักงานสรรพากรพื้นที่สมุทรปราการ 1 ซึ่งรับผิดชอบในการตรวจสภาพกิจการและตรวจคืนภาษีมูลค่าเพิ่มของกลุ่มบริษัททั้ง 7 ราย แต่กลับมิได้ปฏิบัติหน้าที่เพื่อดูแลรักษาผลประโยชน์ของรัฐ 2.นายพายุ สุขสดเขียว สรรพากรพื้นที่ปัตตานี เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งสรรพากรพื้นที่สมุทรปราการ 1 มีหน้าที่บริหารและบังคับบัญชาข้าราชการ พนักงาน และลูกจ้าง มีความผิดฐานอนุมัติให้คืนเงินภาษีมูลค่าเพิ่มแก่กลุ่มบริษัทไปทั้งที่สามารถจะตรวจสอบได้ว่าเป็นการขอคืนภาษีโดยทุจริต จึงเป็นเหตุให้เกิดความเสียหายต่อรัฐอย่างร้ายแรงและ อ.ก.พ. ได้พิจารณาลงโทษให้นายกู้ศักดิ์ จันทรราช ออกจากราชการด้วยเหตุมีมลทินมัวหมองในกรณีที่ถูกสอบส่วนว่า เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งนักวิชาการสรรพากรเชี่ยวชาญปฏิบัติราชการในหน้าที่สรรพากรพื้นที่สมุทรสาคร 2 มีหน้าที่ในการตรวจสอบสำนวนและอนุมัติผลการสอบยันใบกำกับภาษีซื้อ ตามที่สำนักงานสรรพากรพื้นที่สมุทรปราการ 1 ได้ส่งไปให้ทำสอบยันการซื้อขายสินค้าเศษโลหะ ซึ่งบริษัทบางรายในกลุ่มบริษัททั้ง 7 ราย ที่ขอคืนภาษีได้กล่าวอ้างว่าซื้อสินค้าจากผู้ประกอบการที่อยู่ในเขตพื้นที่ของสำนักงานสรรพากรพื้นที่สมุทรสาคร 2 นายกู้ศักดิ์ ได้อนุมัติให้ยุติการสอบยันใบกำกับภาษีซื้อคืนของผู้ประกอบการดังกล่าว และได้แจ้งผลสอบไปยังสำนักงานสรรพากรพื้นที่สมุทรปราการ 1 ส่งผลให้มีการนำผลการสอบยันไปใช้ในการคืนภาษีมูลค่าเพิ่มให้แก่บริษัททั้ง 7 ราย ที่กระทำการขอคืนภาษีโดยทุจริต เป็นเหตุให้เกิดความเสียหายต่อรัฐอย่างร้ายแรง

   สำหรับ ความผิดที่ตรวจสอบนั้น ถูกกล่าวหาว่ากระทำความผิดวินัยอย่างร้ายแรงเกี่ยวกับการประพฤติมิชอบในการคืนภาษีมูลค่าเพิ่มให้แก่บริษัทที่ขอคืนภาษีโดยทุจริต ซึ่งคณะกรรมการสอบสวนได้สอบสวนแล้ว พบว่า มีกลุ่มบริษัทที่จดทะเบียนจัดตั้งเป็นนิติบุคคลใหม่ และจดทะเบียนเป็นผู้ประกอบการจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่มครั้งแรกที่สำนักงานสรรพากรพื้นที่สมุทรปราการ 1 จำนวน 7 ราย อ้างว่าเป็นผู้ประกอบการส่งออกโลหะและแร่โลหะ กลุ่มบริษัทดังกล่าวมีกรรมการและผู้ถือหุ้นเป็นกลุ่มบุคคลที่มีรายชื่อซ้ำกันนอกจากนี้ยังใช้สถานประกอบการจดทะเบียนที่ซ้ำกันหลายราย โดยมิได้มีการประกอบกิจการจริง แต่เมื่อกลุ่มบริษัทเหล่านี้ได้ยื่นขอคืนภาษีมูลค่าเพิ่มที่สำนักงานสรรพากรพื้นที่สมุทรปราการ 1 ก็ได้มีการคืนภาษีให้เป็นเงินทั้งสิ้น 1,140,778,921.21 บาท

 สำนักข่าวอีไฟแนนซ์ไทย