หมวดหมู่: อาชญากรรม

3ปมพรธ



บรรยิน ค้านป. ทำคดีชูวงษ์ 
แคดดี้ยื่น 5 ล้าน ศาลให้ประกัน

       'บรรยิน'บุกยื่นหนังสือถึงผบ.ตร. คัดค้านโอนคดีเสียชีวิตเสี่ยชูวงษ์ ให้กองปราบฯ เผยเป็นคู่ขัดแย้งแถมก่อนหน้านี้กองปราบฯกับทหารเคย บุกบ้านลูกสาวตามหาแคดดี้ แต่ไม่เจอตัว ลั่นให้หน่วยไหนทำคดีก็ได้แต่ไม่ใช่กองปราบฯ พร้อมโต้ 3 ปมพิรุธของตร. ขณะที่แคดดี้สาวอุ้มท้องเข้ามอบตัวตร.แล้ว ยันให้การตามเดิมที่เคยให้ไว้ งงถูก 3 ข้อหา ลักทรัพย์-ปลอมเอกสาร-รับของโจร ถามกลับใครขโมยหุ้นใครกันแน่ ส่วนที่ประวุฒิเผย ผิดเจตนารมณ์ชูวงษ์ ก็สงสัยว่าเคยไปประกาศไว้ตรงที่ใดหรือไม่ ยันได้หุ้นมาโดยสุจริต พร้อมยื่น 5 ล้านประกันตัว

 

วันที่ 28 สิงหาคม พ.ศ. 2558 ปีที่ 25 ฉบับที่ 9039 ข่าวสดรายวัน

คิวแคดดี้ - น.ส.กัญฐณา ศิวาธนพล แคดดี้สาวเข้าพบพล.ต.ต.อัคราเดช พิมลศรี ผบก.ป. รับทราบข้อกล่าวหาคดีหุ้นของนายชูวงษ์ แซ่ตั๊ง ถูกนำตัวส่งฝากขังศาล ก่อนใช้หลักทรัพย์ 5 ล้านบาทประกันตัว เมื่อ 27 ส.ค.

        จากกรณีญาตินายชูวงษ์ แซ่ตั๊ง เสี่ยหมื่นล้าน ติดใจการเสียชีวิตว่าไม่น่าเกิดจากอุบัติเหตุรถชนที่พ.ต.ท.บรรยิน ตั้งภากรณ์ อดีตรมช.พาณิชย์ ขับชนต้นไม้ ต่อมาขอให้ตรวจสอบการโอนหุ้นมูลค่ากว่า 300 ล้านบาท ให้หญิงสาว 2 คน จนกระทั่งตร.กองปราบปรามออกหมายจับผู้ต้องหา 4 คนในข้อหาปลอมแปลงเอกสาร ลักทรัพย์ และลักของโจร จนกระทั่งผู้ต้องหาทั้ง 3 เดินทางมอบตัวไปก่อนหน้านี้

     ความคืบหน้า เมื่อเวลา 09.00 น. วันที่ 27 ส.ค.ที่กองปราบปราม น.ส.กัญฐณา หรือน้ำตาล ศิวาธนพล อายุ 26 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญากรุงเทพใต้ ที่ จ.563/2558 ลงวันที่ 24 ส.ค. 2558 ข้อหาร่วมกันลักทรัพย์ และร่วมกันปลอมและใช้เอกสารสิทธิปลอมโดยประการที่น่าจะก่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้อื่นหรือประชาชน หรือรับของโจร พร้อม นายเสกสรรค์ เสนาชู ทนายความ เข้าพบพล.ต.ต.อัคราเดช พิมลศรี ผบก.ป. พ.ต.อ. สรายุทธ สงวนโภคัย รองผบก.ป. พ.ต.ท. ณัฐพงศ์ เกิดเอี่ยม พงส. กก.1 บก.ป.เพื่อมอบตัวตามหมายจับกุม
     นายเสกสรรค์ เปิดเผยว่า อยากตั้งคำถามถึงพล.ต.ท.ประวุฒิ ถาวรศิริ ผู้ช่วย ผบ.ตร.เพราะรู้สึกเคลือบแคลงว่าข้อหาความผิดฐานลักทรัพย์และรับของโจรนั้นหมายถึงอะไร ใครเป็นคนลักเอาไป ลักคำขอ หรือลักหุ้นยังไง แค่ไหน และในส่วนของข้อหารับของโจรนั้น ใครเป็นคนรับของโจร หรือลักทรัพย์อะไร ซึ่งแนวทางการต่อสู้คดีก็ต้องรอให้พนักงานสอบสวนแจ้งข้อกล่าวหาก่อน
      นายเสกสรรค์ กล่าวต่อว่า ที่ผ่านมาน.ส. กัญฐณา เคยให้ปากคำกับพนักงานสอบสวนไปจนหมดแล้ว คงไม่ให้การอะไรเพิ่มเติมอีก เพราะเรายังคงเชื่อมั่นในความบริสุทธิ์ใจตามที่เคยให้การไปในฐานะพยาน ส่วนพนักงานสอบสวนจะเชื่อหรือไม่ก็คงตอบอะไรไม่ได้ รวมทั้งหลักฐานเอกสารต่างๆ ก็มอบไปจนหมดแล้ว และขอประกันตัวในชั้นศาล
    นายเสกสรรค์ กล่าวอีกว่า จนถึงขณะนี้น.ส.กัญฐณา ยังยืนยันความบริสุทธิ์ ส่วนเรื่องความสัมพันธ์กับนายชูวงษ์ ตนยืนยันแทน น.ส.กัญฐณาไม่ได้ เพราะรายละเอียดส่วนนี้น่าจะเป็นข้อต่อสู้ในชั้นศาลมากกว่า คงไม่ขอเปิดเผยต่อสื่อมวลชนเพราะจะทำให้รูปคดีเสียไป
     นายเสกสรรค์ กล่าวด้วยว่า ส่วนเรื่องปลอมเอกสาร ก็ยังไม่ทราบเลยว่าใครที่เป็นประจักษ์พยานเห็นการปลอมแปลง รวมทั้งเรื่องที่พล.ต.ท.ประวุฒิ เคยให้สัมภาษณ์ว่า เป็นการผิดเจตนารมณ์ ก็อยากจะถามว่านายชูวงษ์เคยไปพูดไว้กับใครบ้าง ก่อนจะโอนหุ้นในส่วนนี้ และมีพยานหลักฐานอะไรมาสนับสนุน
     น.ส.กัญฐณา กล่าวผ่านทางทนายความ ว่า คดีนี้คงขอไปให้การในชั้นศาล หากมีอะไรเพิ่มเติมก็จะแจ้งให้ทราบอีกครั้ง และขอปฏิเสธตลอดข้อกล่าวหา โดยหุ้นที่ได้รับมานั้นได้รับโอนมาอย่างสุจริต ไม่ได้เป็นไปตามข้อกล่าวหา ทุกอย่างยังยืนยันตามคำให้การเดิม ที่เคยให้ไว้กับเจ้าหน้าที่ตำรวจ
      ผู้สื่อข่าวถามถึงกรณีที่ตั้งครรภ์ นาย เสกสรรค์กล่าวว่า ทราบว่าเหลือเวลาอีกไม่ถึง 1 สัปดาห์ ก็จะถึงกำหนดคลอด ก่อนหน้านี้มีปัญหาตะกุกตะกักไปบ้าง เพราะน.ส.กัญฐณาไม่สบายจริงๆ แต่ก็ต้องเรียนว่าไม่ได้มีพฤติการณ์หลบหนี
      ส่วนเรื่องการตรวจดีเอ็นเอของบุตรในครรภ์ นายเสกสรรค์กล่าวว่า คงยังไม่ถึงเวลา แต่หากครอบครัวของนายชูวงษ์ยื่นคำร้องต่อศาล ก็ต้องดูว่าจะให้ตรวจในประเด็นอะไร จะต่อสู้กันในเรื่องอะไร คงต้องขอทราบประเด็นข้อพิพาทก่อน ถ้าถามว่าพร้อมหรือไม่ ก็ต้องดูว่าศาลจะมีคำสั่งหรือไม่อย่างไร
    "เรายืนยันว่า ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการจัดทำเอกสาร รวมทั้งเรื่องลักทรัพย์ยิ่งแล้วใหญ่เลย เพราะไม่รู้ว่าลักอะไร ลักคำขอ หรือลักใบหุ้น หุ้นมันจับต้องไม่ได้ ใครเป็นคนแย่งการครอบครอง ก็อยากช่วยชี้แจงตรงนี้ต่อสังคมด้วย เพราะเรื่องการโอนหุ้นของนาย ชูวงษ์ สอบถาม น.ส.กัญฐณามาแล้วหลายครั้ง ก็ทราบว่าเป็นสิ่งที่นายชูวงษ์ ประสงค์จะมอบหุ้นให้เองทั้งหมด" นายเสกสรรค์กล่าว
    ต่อมาเวลา 11.00 น. เจ้าหน้าที่นำตัวน.ส. กัญฐณา ไปพิมพ์ลายนิ้วมือทำประวัติอาชญากร จึงคุมตัวไปขออำนาจศาลอาญากรุงเทพใต้ เพื่อฝากขัง แต่ไม่ได้คัดค้านการประกันตัว โดยศาลพิจารณาแล้วอนุญาตให้ปล่อยชั่วคราว น.ส.กัญฐณา ผู้ต้องหาโดยตีราคาประกัน 5 ล้านบาท พร้อมสั่งห้ามยุ่งเหยิงพยานหลักฐาน และเดินทางออกนอกราชอาณาจักร เว้นแต่ได้รับอนุญาตจากศาล และนัดมารายงานตัววันที่ 8 ก.ย.
      อีกด้านหนึ่งเมื่อเวลา 10.30 น. ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ พ.ต.ท.บรรยิน ตั้งภากรณ์ อดีตรมช.พาณิชย์ ผู้ต้องหาตามหมายจับของศาลอาญากรุงเทพใต้ ที่ จ.560/2558 ลงวันที่ 24 ส.ค.2568 ในข้อหาร่วมกันลักทรัพย์, ร่วมกันปลอมและใช้เอกสารสิทธิปลอม โดยประการที่น่าจะก่อให้เกิดความเสียหายต่อผู้อื่นหรือประชาชน และรับของโจร ในคดีโอนหุ้นที่พบความผิดปกติของนายชูวงษ์ แซ่ตั๊ง ยื่นหนังสือถึงพล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง ผบ.ตร. เพื่อขอความเป็นธรรม และคัดค้านการโอนคดีการเสียชีวิตของนายชูวงษ์ให้กองปราบปรามรับผิดชอบ โดยมีพล.ต.ต.เสน่ห์ อรุณพันธุ์ รองผบช.สพฐ.ในฐานะนายตำรวจเวรอำนวยการเป็นผู้รับหนังสือแทน
    พ.ต.ท.บรรยิน กล่าวว่า ตั้งใจมาขอความเป็นธรรมและใช้สิทธิในฐานะผู้มีส่วนเกี่ยวข้องกับคดีการเสียชีวิตของนายชูวงษ์ ขอหนังสือคำสั่งของผบ.ตร.ที่ให้โอนสำนวนการสอบสวนคดีการเสียชีวิตของนายชูวงษ์ไปให้กองปราบปรามรับผิดชอบ ตนทราบข่าวจากสื่อมวลชนจึงอยากทราบความชัดเจนตรงนี้ ซึ่งตรงนี้ถือเป็นการใช้สิทธิตามพ.ร.บ.ข้อมูลข่าวสารของทางราชการ มาตรา 11
     พ.ต.ท.บรรยิน กล่าวว่า ที่ผ่านมาตนไม่ได้รับความเป็นธรรม จึงอยากเรียกร้องกับผบ.ตร.ว่าคดีนี้จะต้องให้ความเป็นธรรมกับทั้งสองฝ่าย ไม่ใช่ความเป็นธรรมฝ่ายเดียว เพราะขณะนี้ตนกับกองปราบปรามถือเป็นคู่กรณีกันแล้ว โดยเมื่อวันที่ 18 ส.ค.ที่ผ่านมา ตำรวจกองปราบปรามร่วมกับทหารกองพันทหารม้าที่ 1 รักษาพระองค์ ไปตรวจค้นที่บ้านพักลูกสาวของตนย่านเลียบทางด่วนรามอินทรา
    พ.ต.ท.บรรยิน กล่าวว่า ตนสอบถามเหตุผลการเข้าตรวจค้นดังกล่าวกับ พล.ต.ต.อัคราเดช ซึ่งอ้างว่าได้รับคำสั่งจากฝ่ายความมั่นคงให้ไปตรวจสอบที่บ้านหลังดังกล่าว เพราะมีข้อมูลว่ามีการตั้งพรรคการเมือง ตนจึงได้สอบถามพล.ต.ต.อัคราเดชว่าใครสั่ง ท่านตอบว่าเป็นฝ่ายทหาร จึงขอใช้โอกาสนี้แจ้งไปยังฝ่ายความมั่นคง ทหาร และคสช.ว่ามีคำสั่งร่วมกับตำรวจกองปราบปรามให้ไปค้นบ้านหลังนี้ด้วยเหตุผลการตั้งพรรคการเมืองจริงหรือไม่ เพราะหลังจากการตรวจค้นในบันทึกการตรวจค้นระบุว่าไม่พบบุคคลและสิ่งผิดกฎหมายใดๆ คือ น.ส.กัญฐณา ศิวาธนพล
      "อยากถามว่านี่เป็นการใช้อำนาจเกินขอบเขตหรือไม่ ที่บอกว่า เหตุผลที่ตรวจค้นเรื่องการตั้งพรรคการเมือง ลูกสาวตนเกี่ยวข้องกับการตั้งพรรคการเมืองหรือไม่ แล้วทำไมในบันทึกการตรวจค้นไประบุว่าการตรวจค้นไม่พบตัว น.ส.กัญฐณา ตรงนี้เกี่ยวข้องกันหรือไม่ ผมจึงอยากสอบถามไปถึงฝ่ายความมั่นคงว่าใครเป็นคนสั่ง ได้มอบหมายให้มีการตรวจค้นจริงหรือไม่ ตอนนี้ผมถือเป็นคู่กรณีกับตำรวจกองปราบฯ ไปแล้ว หากผบ.ตร.โอนคดีให้กองปราบฯ รับผิดชอบ ผมจะได้รับความเป็นธรรมหรือไม่ และหากยังยืนยันที่จะให้ตำรวจกองปราบฯ ทำคดีจะถือว่าท่านไม่ให้ความเป็นธรรม เป็นการให้ความเป็นธรรมฝ่ายเดียว บอกได้เลยว่าหากให้กองปราบฯ ทำคดี ผมต้องโดนข้อหาเป็นฆาตกร ทั้งนี้ ยินดีให้ตำรวจหน่วยใดก็ได้ทำคดีแต่ไม่เอากองปราบฯ เพราะไม่ไว้วางใจในพฤติกรรมที่ผ่านมา" พ.ต.ท.บรรยินกล่าว
      พ.ต.ท.บรรยิน กล่าวต่อไปว่า ตนได้รับทราบจากสื่อมวลชนอ้างแหล่งข่าวจากกองปราบปรามว่ามีประเด็นข้อสงสัย 3 ประเด็น โดยประเด็นแรกระบุว่าวันเวลาเกิดเหตุมีการออกจากสนามกอล์ฟหายไป 1 ชั่วโมงครึ่ง ตนบอกเลยว่าข้อมูลนี้โกหก เพราะมีพยานยืนยันว่าตนออกมาตอน 21.30 น. ซึ่งพยานเป็นถึงอดีตประธานศาลรัฐธรรมนูญ และมีพยานที่ออกมาในช่วงเวลาไล่เลี่ยกับตน มาวันนี้ตร.กองปราบฯ ตั้งธงเลยว่าเวลาคลาดเคลื่อน ขณะที่ประเด็นต่อมา ก่อนเกิดเหตุ 700 เมตรมีกล้องวงจรปิดจับภาพรถได้เทียบเวลาแล้วคำนวณความเร็ว 30 ก.ม.ต่อช.ม. ท่านบอกว่านี่คือข้อพิรุธ ตนอยากถามว่าโดยปกติคนเราขับรถด้วยความเร็วคงที่เลยหรือไม่ และประเด็นสุดท้ายมีบาดแผลอยู่ด้านหลังศพ ทั้งที่แพทย์นิติเวชที่ชันสูตรศพยืนยันว่าบาดแผลดังกล่าวไม่ได้เกิดจากการประทุษร้าย วันนี้กองปราบฯ เก่งกว่าแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ
      ผู้สื่อข่าวถามว่าหากฝ่ายความมั่นคงยืนยันว่าได้มีคำสั่งให้ตรวจสอบจริงจะมีการฟ้องร้องดำเนินคดีอีกหรือไม่ พ.ต.ท.บรรยินกล่าวว่า ตรงนี้ตนอยากถามว่าที่ว่าให้ไปตรวจสอบจริงนั้นเป็นการตรวจสอบในประเด็นใด เรื่องการตั้งพรรคการเมืองตนไม่เคยคิด เรื่องการเมืองเกี่ยวอะไรกับน.ส.กัญฐณา ที่ระบุในบันทึกการตรวจค้น ซึ่งในขณะนั้นน.ส. กัณฐณายังไม่ได้เป็นผู้ต้องหา
      เมื่อถามถึงการดำเนินคดีกับเจ้าหน้าที่ ที่เกี่ยวข้องฐานปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ พ.ต.ท.บรรยินกล่าวว่า จะไม่ฟ้องเอง แต่จะส่งเรื่องไปยังป.ป.ช. แต่ขอดูคำสั่งผบ.ตร.ก่อน ยืนยันว่าจะดำเนินคดีกับทุกคน ทั้งนี้ การเข้าตรวจค้นบ้านของลูกสาวเป็นการใช้อำนาจตามมาตรา 44 ไปตรวจค้นบ้านของลูกสาวที่มีบ้านของคนอื่นที่อยู่ในรั้วเดียวกันทั้งหมด 6 หลัง ที่ยินยอมให้ตรวจค้นมีเพียงหลังเดียว แต่ในบันทึกตรวจค้นระบุว่าได้ค้นเพียง 4 หลัง แต่ตามข้อเท็จจริงเจ้าหน้าที่ค้นทั้งหมด 6 หลัง

ooKbee1

corehoon NEW2

 

 

ข่าวล่าสุด!!