หมวดหมู่: อาชญากรรม

1เชกมอถอ



เช็กมือถือหนุ่มตุรกี อยู่จุดบึ้ม ตร.ชี้แก๊งค้าอุยกูร์ 
ปมผลประโยชน์ แค้นแทนพี่น้อง ยังปิดปากไม่พูด ค้นห้องพักอีกที่ พบซุกสารยูเรีย 'โอ๊ค'ลั่นจ่าย 7 ล.

         เตรียมสั่งจับเพิ่มอีก 3 ร่วมแก๊งหนุ่มตุรกี ทีมระเบิดกรุง พยาน-วงจรปิดเห็นเข้าออกอพาร์ตเมนต์เดียวกัน ตร.แกะรอยจากมือถือ แฉผู้ต้องหาที่โดนล็อกรายแรกอยู่ในจุดเกิดเหตุบึ้มศาลพระพรหมด้วย พบเปื้อนสารระเบิด เริ่มชัดแล้วสาเหตุแค้นสูญเสียผลประโยชน์ค้าชาวอุยกูร์ เจ้าหน้าที่สอบเค้นยังปฏิเสธ แต่ยอมรับแค่ว่าเดินทางมาจากไหน เข้าไทยอย่างไร เก็บดีเอ็นเอตรวจสอบ ตะลึงมีฝักแคอีก 10 อัน เตรียมประกอบระเบิด ก่อเหตุ สอบคนขับแท็กซี่ด้วย พบโทร.หากันกับผู้ต้องหา จนท.เข้าค้นหอพักอีกจุดที่มีนบุรี หลังพบปุ๋ยยูเรีย เจ้าของห้องเป็น ผู้หญิงไทย อยู่ระหว่างตามตัวมาสอบ เกี่ยวข้องหรือไม่ สถานทูตตุรกีแถลงพร้อมให้ความร่วมมือไทยคลี่คลายคดี

 

วันที่ 31 สิงหาคม พ.ศ. 2558 ปีที่ 25 ฉบับที่ 9042 ข่าวสดรายวัน

ค้นเพิ่ม - ตร.บุกค้นหอพักไมมูณา การ์เด้น โฮม ย่านมีนบุรี ขยายผลเพิ่มหลังการจับกุมชายชาวตุรกีต้องสงสัย บึ้มกรุง โดยมีพยานยืนยันชายคนดังกล่าวเคยมาพักอาศัยที่หอพักแห่งนี้เมื่อ 4-5 เดือนก่อน เมื่อวันที่ 30 ส.ค.

       จากเหตุการณ์ระเบิดกรุง 2 จุด บริเวณศาลท้าวมหาพรหม แยกราชประสงค์ และท่าเรือสาทร เจ้าหน้าที่ออกหมายจับกุมชายต่างชาติเสื้อเหลือง มือระเบิดจุดแรก และชายชาวเอเชียหน้าตี๋ ใส่เสื้อสีฟ้า มือระเบิดจุดที่ 2 ล่าสุดเมื่อวันที่ 29 ส.ค.ที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่บุกตรวจค้นห้องพักในอพาร์ตเมนต์ เขตหนองจอก จับกุมชายชาวต่างชาติ ระบุชื่อในพาสปอร์ตนายอะเด็ม คาราแด็ก อายุ 28 ปี สัญชาติตุรกี พร้อมวัตถุระเบิดจำนวนมาก คาดเป็นผู้จัดหาอุปกรณ์ประกอบระเบิด สารภาพแค่ว่าเดินทางมาจากนครอิสตันบูล ประเทศตุรกี มายังประเทศเวียดนาม ผ่านลาวเข้าสู่ประเทศไทย และน่าจะเกี่ยวข้องกับขบวนการลักลอบขนชาวอุยกูร์ ตามที่เสนอข่าวไปเป็นลำดับแล้วนั้น

ค้นอีกจุด-แต่ยังไม่เจอพิรุธ
        ความคืบหน้าเรื่องนี้ เมื่อเวลา 11.00 น. วันที่ 30 ส.ค. ร.ต.ท.นิติพนธ์ วันแก่น รองสวป.สน.หนองจอก รับแจ้งเหตุพบชายชาวต่างชาติรูปพรรณสัณฐานคล้ายบุคคลต้องสงสัยก่อเหตุวางระเบิดศาลท้าวมหาพรหม หลบซ่อนตัวอยู่ภายในต้นคูนแมนชั่น ตั้งอยู่เลขที่ 99/99 ซอยเชื่อมสัมพันธ์ 3 แขวงกระทุ่มราย เขตหนองจอก จึงนำกำลังตำรวจรุดไปยังที่เกิดเหตุ เป็นอพาร์ตเมนต์ 5 ชั้น เนื้อที่กว่า 1 ไร่ จากการตรวจสอบกล้องวงจรปิดพบผู้ชาย 2 คน โดยรายแรกลักษณะคล้ายชาวพม่าเดินทางเข้าออกตามปกติอยู่เป็นประจำ ส่วนอีกรายเป็นชาวต่างชาติ ไม่พบพิรุธแต่อย่างใด
       จากการสอบสวนนิติบุคคลของอพาร์ตเมนต์ ให้การว่าเข้มงวดกวดขันกรณี ผู้เข้ามาเปิดใช้บริการห้องพัก ส่วนใหญ่เป็นพนักงานบริษัทเอกชน และนักศึกษาระดับชั้นปริญญาตรีขึ้นไป โดยมีผู้ปกครองนำเอกสารมายืนยันอย่างแน่ชัด ส่วนบุคคลต้องสงสัยทั้ง 2 รายนั้น ขอยืนยันว่าเป็นเพียง ผู้เข้ามาใช้บริการตามปกติ รายแรกเป็นชาวพม่า เป็นพนักงานโรงงานอุตสาหกรรมของประเทศญี่ปุ่น ที่ถูกส่งตัวเข้ามาทำงานในเขตพื้นที่รับผิดชอบ ทางโรงงานจะส่งพนักงานเข้ามาใช้บริการอยู่เป็นประจำ ส่วนชาวอังกฤษนั้นเป็นครูสอนอยู่ย่านมีนบุรีและหนองจอก พักอาศัยได้ประมาณ 2 เดือน ทางสถานศึกษาส่งตัวเข้ามาใช้บริการเช่นกัน

เจ้าของอพาร์ตเมนต์ชาวตุรกี
     ต่อมาผู้สื่อข่าวเดินทางไปตรวจสอบที่พูลอนันต์อพาร์ตเมนต์ ซอยเชื่อมสัมพันธ์ 11 แขวงกระทุ่มราย เขตหนองจอก หลังเจ้าหน้าที่บุกจับกุมนายอะเด็ม คาราแด็ก อายุ 28 ปี ชาวตุรกี หนึ่งในผู้ต้องสงสัยเหตุวางระเบิด โดยนายธนากร วีวรรณากร อายุ 60 ปี กล่าวว่าเป็นผู้ดูแลความเรียบร้อยที่อพาร์ตเมนต์มานานกว่า 10 ปีแล้ว เจ้าของมีเชื้อสายเป็นชาวตุรกี สร้างห้องพักกว่า 50 ห้อง แต่ปัจจุบันเปิดใช้บริการเพียง 30 ห้องเท่านั้น
      นายธนากร กล่าวว่าต้นเดือนมิ.ย.มีชายชาวตุรกี 2 คนเปิดใช้บริการห้องพัก ชอบเก็บตัว ไม่ยุ่งเกี่ยวกับผู้ใด ออกมาจากห้องเพียงไม่นานแล้วก็เก็บตัว หนึ่งในนั้นลักษณะผอมสูง ผิวขาว มีหนวดเครา และผมหยิกยาวจนถึงท้ายทอย แต่ระยะหลังตัดผมและโกนเคราดูเรียบร้อยเปลี่ยนเป็นคนละคน เชื่อว่าเป็นผู้ต้องหาที่ถูกทางเจ้าหน้าที่เข้าจับกุมเมื่อวันที่ 29 ส.ค.
      ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากการสอบถามหนึ่งในผู้พักอาศัยร่วมระบุว่า เห็นชายชาวต่างชาติ 2 คน อยู่ในห้องเดียวกัน โดยหนึ่งในนั้นรูปร่างท้วม ผิวสีดำแดง เดินทางเข้าออกที่พักอยู่เป็นประจำ ส่วนรายที่ถูกจับกุมนั้นชอบเก็บตัว จะออกมาจากห้องเพียงชั่วครั้งชั่วคราวในระยะเวลาสั้นๆ ก่อนกลับเข้าห้อง

ทหาร-ตร.ค้นหอพักมีนบุรี
       เวลา 12.40 น. พ.ต.อ.สุศักดิ์ ปรักกมะกุล รองผบก.น.3 พร้อมด้วยพ.ต.อ.กัญชล อินทราราม ผกก.สน.มีนบุรี พ.ต.ท.อดิศักดิ์ ชูพันธ์ รองผกก.ป. เจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวน สน.มีนบุรี และเจ้าหน้าที่ทหารกว่า 40 นาย เข้าตรวจค้นหอพักไมมูณา การ์เด้น โฮม ตั้งอยู่เลขที่ 40/11 ซอยราษฎร์อุทิศ 25/8 ถนนราษฎร์อุทิศ แขวงแสนแสบ เขตมีนบุรี กทม. โดยสืบเนื่องจากเมื่อกลางดึกวันที่ 29 ส.ค.ที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.สส.น.3 ร่วมกันตรวจค้นหอพักพบว่าภายในห้องพักเลขที่ 9106 บริเวณชั้นที่ 1 มีปุ๋ยยูเรีย 2 ถุง และดินเทาจำนวนหนึ่ง ซึ่งเป็นวัตถุนำไปประกอบระเบิด
        จากการตรวจสอบเป็นหอพัก 3 ชั้น แบ่งให้เช่าทั้งรายวันและรายเดือน มีทั้งหมด 33 ห้อง โดยส่วนใหญ่ผู้ที่เข้ามาเปิดใช้บริการจะเป็นชาวต่างชาติ ตรวจสอบห้องพักในครั้งนี้ได้เพียง 21 ห้องเท่านั้น เนื่องจากส่วนที่เหลือผู้ใช้บริการยังไม่กลับเข้ามายังห้องพัก โดยห้องพักชั้นแรกเลขที่ 9102 พบหัวแร้งสำหรับเชื่อม 1 อัน เจ้าหน้าที่จึงเก็บรวบรวมไว้เป็นหลักฐาน ก่อนส่งมอบให้กองพิสูจน์หลักฐานนำไปตรวจสอบอย่างละเอียดอีกครั้ง ส่วนห้องพักที่เหลือไม่มีสิ่งผิดกฎหมายแต่อย่างใด


คนเช่า - เอกสารหลักฐานระบุชื่อนาย Ahmet Mehmet Emin Ayse ชาวตุรกี เป็นผู้เช่าห้องพักพูลอนันต์อพาร์ตเมนต์ จำนวน 5 ห้อง ตั้งแต่ม.ค.2557 โดย 1 ในจำนวนนั้น เป็นห้องที่หนุ่มตุรกีผู้ต้องสงสัยร่วมทีมระเบิดศาลพระพรหมพักอยู่ ขณะถูกตร.บุกเข้าจับกุม


พยานเห็นหนุ่มตุรกีเคยมาพัก
        พ.ต.อ.สุศักดิ์ กล่าวว่า สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 29 ส.ค.ที่ผ่านมา ตำรวจและทหารร่วมกันจับกุมตัวผู้ต้องหามีวัตถุระเบิด ย่านหนองจอก และเมื่อประมาณเกือบ 2 ปีก่อน ที่ย่านมีนบุรีก็เคยมีเหตุการณ์ผู้ขี่รถจักรยานยนต์พกระเบิด ก่อนพลาดระเบิดจนเป็นเหตุให้เสียชีวิต และเจ้าหน้าที่เข้ามาตรวจค้นสถานที่ดังกล่าวแล้ว พบปุ๋ยยูเรีย 2 ถุง และดินเทาจำนวนหนึ่ง ซึ่งเป็นวัตถุนำไปประกอบวัตถุระเบิด แต่ไม่พบตัวเจ้าของห้อง เจ้าหน้าที่จึงนำหมายค้นเข้าตรวจตราความเรียบร้อยอีกครั้ง แต่ไม่พบสิ่งผิดกฎหมายแต่อย่างใด พบเพียงหัวแร้ง ต้องนำไปให้กองพิสูจน์หลักฐานตรวจสอบอย่างละเอียดอีกครั้ง ว่ามีส่วนเชื่อมโยงกับเหตุการณ์ระเบิดที่แยกราชประสงค์หรือไม่ ส่วนห้องพักที่เหลือเจ้าหน้าที่ต้องรอให้เจ้าของห้องกลับมาก่อน เพื่อขอเข้าตรวจค้นต่อไป
     จากการสอบสวนชาวบ้านให้การว่า เมื่อ 1 ปีที่ผ่านมาพบชาวตุรกีทั้งผู้ชายและหญิงจำนวนมากเข้ามาใช้บริการภายในสถานที่ดังกล่าว จำได้ว่าหนึ่งในนั้นเป็นผู้ชาย รูปร่างสันทัด ผิวขาว หน้าตาดี ผมดำหยิกยาวถึงบ่า และหนวดเครารุงรัง ก่อนเกิดเหตุระเบิดที่แยกราชประสงค์ ประมาณ 4-5 เดือน กลุ่มชาวตุรกีดังกล่าวทยอยกันออกไป รวมถึงชายที่ไว้ผมยาวด้วย เหลือชาวตุรกีที่เป็นผู้ชายผิวขาวเปิดใช้บริการเพียงห้องเดียว หลังจากนั้นชายคนดังกล่าวก็เดินทางเข้ามาหาเพื่อนที่พักอาศัยอยู่ แต่ไม่บ่อยครั้ง หลังจากนั้น 1-2 เดือน เห็นชายคนดังกล่าวตัดผมสั้นและโกนหนวดเครา จนกระทั่งเมื่อวันที่ 29 ส.ค. เห็นข่าวในโทรทัศน์ จึงมั่นใจว่าเป็นคนเดียวกัน

สอบหนุ่มทีมบึ้ม-เก็บดีเอ็นเอ
      ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ พล.ต.ท. ประวุฒิ ถาวรศิริ ผู้ช่วยผบ.ตร. และโฆษกตำรวจ กล่าวว่าเมื่อเช้าวันที่ 30 ส.ค.นี้ เจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนและสอบสวนพูดคุยสอบปากคำผู้ต้องสงสัย ต้องใช้ล่ามแปลภาษา เพราะพูดภาษาไทยไม่ได้ พูดภาษาอังกฤษพอได้ รวมถึงภาษาอื่นๆ ตรวจสอบด้านนิติวิทยาศาสตร์ เก็บดีเอ็นเอของผู้ต้องหารายนี้เปรียบเทียบกับวัตถุพยานที่ได้มาก่อนหน้านี้ ทั้งธนบัตรใบละ 20 บาท หรือดีเอ็นเอแฝงในรถแท็กซี่ รถตุ๊กตุ๊ก
       พล.ต.ท.ประวุฒิ กล่าวว่า ขณะที่การตรวจสอบดีเอ็นเอที่โทรศัพท์ ข้อมูลการโทรศัพท์เข้าออก นำชิพในโทรศัพท์มือถือไปตรวจสอบข้อมูลย้อนหลัง ดึงข้อมูลที่ลบไปแล้วออกมาตรวจสอบ และตรวจสอบดีเอ็นเอแฝงในห้องทั้งในเสื้อผ้าของใช้ทุกอย่าง ขณะนี้ยังไม่สามารถพิสูจน์ตัวตนและสัญชาติของชายคนดังกล่าวได้แน่ชัด กำลังประสานสถานทูตประเทศต่างๆ ร่วมตรวจสอบ รวมถึงสถานทูตตุรกีที่ประสานเข้ามาร่วมตรวจสอบแล้ว โดยให้ความร่วมมือเต็มที่ ยินดีส่งทีมงานมาสอบสวนมาพูดคุย ไม่มีปัญหาเรื่องการทำงาน รวมทั้งชาติอื่นๆ แต่ขอปิดไว้ก่อน เป็นประเทศที่อยากร่วมมือ อยากช่วย ส่วนประเทศจีนยังไม่ได้ประสานมาแต่อย่างใด แต่ก็เคยแจ้งมาตั้งแต่แรกว่ายินดีให้ความช่วยเหลือ

ยังไม่รับ-แต่บอกเส้นทางมาไทย
      โฆษกตำรวจกล่าวว่า จากการสอบปากคำให้ความร่วมมือพอสมควร โดยให้การว่าเดินทางมาจากประเทศอะไร ไปพักยังประเทศอื่นในเอเชีย ก่อนจะมาประเทศไทย เราก็ฟังแต่ยังเชื่อไม่ได้ ต้องมีหลักฐานอื่นประกอบ ทั้งเสื้อผ้า ดีเอ็นเอ และข้อมูลโทรศัพท์ จนถึงขณะนี้ยังไม่รับสารภาพว่าร่วมก่อเหตุระเบิด ตำรวจได้ภาพถ่ายและข้อมูลของกลุ่มที่เป็นเพื่อนกับผู้ต้องหาอีกหลายคน กำลังตรวจสอบว่าอยู่ที่ไหน ส่วนข้อมูลที่ได้จากสำเนาพาสปอร์ต หรือพาสปอร์ตปลอมนั้นยังเชื่อไม่ได้ เชื่อได้แค่รูปว่าเป็นของจริง มองว่าอยู่กลุ่มเดียวกัน พาสปอร์ตที่พบมีหลายเล่ม หลายคนหลายใบหน้า แต่ต้องตรวจสอบอย่างละเอียดก่อนเชื่อ
       พล.ต.ท.ประวุฒิกล่าวว่าสำหรับคำให้การของผู้ต้องหา อย่าเพิ่งเชื่อ อาจเปลี่ยนภายหลังได้ต้องมีหลักฐานอื่น จากการสอบสวนตอนนี้ยังไม่ได้ถามถึงประเด็นความเกี่ยวข้องกับระเบิดของกลาง ขณะนี้ต้องพิสูจน์ทราบกลุ่มคนก่อน อย่างที่ พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง ผบ.ตร. คาดการณ์ว่าเป็นความโกรธ ไม่พอใจของบางกลุ่ม ในเรื่องการทำงานของเจ้าหน้าที่ ที่ไปจับกุมทลายแก๊งส่งออก สกัดการปลอมพาสปอร์ต ก็เป็นไปได้ เรากวาดล้างเรื่องนี้พอสมควร

คาดเตรียมประกอบบึ้มอีก
      พล.ต.ท.ประวุฒิ กล่าวต่อว่า ระเบิดที่พบมีความคล้ายกับเหตุที่เคยเกิดก่อนหน้านี้ในบางลักษณะ ชิ้นส่วนสำคัญมีคล้ายบ้าง อย่าง ไปป์ ลูกปืนคล้ายกัน เพราะหาซื้อง่าย ไม่ผิดกฎหมาย แต่ที่หายากคือฝักแคระเบิด ฝักแคเวลา ซึ่งหายาก ที่เราได้คือฝักแคเวลาฝักแคระเบิดชนิดเดียวกับที่เจอที่ท่าเรือสาทร ได้หลักฐานชิ้นใหญ่พอสมควร เรื่องสาเหตุขอยังไม่เปิดเผย ขอตำรวจทำงานสืบหาผู้ต้องหาว่ามีหลบหนีกี่คน ใครบ้าง สกัดจับ หรือแจ้งตำรวจต่างประเทศให้ช่วยจับกุม หลังจากนั้นมาดูเรื่องสาเหตุ บางครั้งพวกนี้อาจถูกว่าจ้างมา ขณะนี้ ผบ.ตร.สั่งการให้สำนักงานตำรวจคนเข้าเมืองสกัดจับผู้ต้องสงสัยว่าเกี่ยวข้องจากภาพที่ได้จากที่เกิดเหตุ
      โฆษกตำรวจกล่าวอีกว่า จากการสืบสวนก่อนหน้านี้ที่ผ่านมาตำรวจทำงานหนักสืบสวนหลายกลุ่ม แล้วค่อยๆ ตัดทีละกลุ่ม จนเหลือกลุ่มนี้ที่น่าสงสัย ข้อมูลทางโทรศัพท์สอดคล้องบางข้อมูล เพราะกลุ่มนี้ระวังตัวเรื่องการใช้โทรศัพท์ แต่เชื่อว่ามีคนไทยเกี่ยวข้องกับการก่อเหตุ
       ผู้สื่อข่าวถามว่าจากพยานหลักฐาน มองได้หรือไม่ว่าเตรียมประกอบระเบิดลูกใหญ่เพื่อก่อเหตุอีก พล.ต.ท.ประวุฒิกล่าวว่าก็เป็นไปได้ เพราะฝักแคระเบิดเหลืออยู่อีกประมาณ 10 อัน

สอบแท็กซี่-พบเคยโทร.หากัน
       ต่อข้อถามว่าผู้ต้องหาเคยไปแถวหัวลำโพงหรือไม่ พล.ต.ท.ประวุฒิกล่าวว่ามีข้อมูลการเดินทางของโทรศัพท์ไปในจุดที่เราต้องสงสัย แต่จะเป็นหัวลำโพงหรือไม่ ไม่ทราบ แต่เป็นจุดที่เราสงสัยว่าสำคัญต่อเหตุการณ์นี้ ขณะนี้ยังยืนยันไม่ชัดเจนว่าชายคนนี้เป็น 1 ใน 2 คนที่ออกหมายจับหรือไม่ แต่เป็นหนึ่งในทีมงานแน่นอน ยังเร็วไปที่จะบอกว่าทำหน้าที่อะไร แต่ดูจากหน้าแล้วคล้ายชายในภาพสเกตช์พอสมควร รอผลยืนยันดีเอ็นเอก่อน ทั้งจากแท็กซี่ ธนบัตร รถสามล้อ ขอเวลาตำรวจมีหลายเรื่องต้องทำ ขณะนี้จ่ายงานไป 10 กว่าด้าน เช่น วิเคราะห์ แยกแยะข้อมูลต่างๆ และเฝ้าจุดต่างๆ เป็นต้น
      "ตอนนี้เราจับตาเป็นกลุ่ม ตอนแรกคิดว่ามีคนเดียวไปๆ มาๆ มี 4-5 คน มีเป็นกลุ่มๆ ส่วนชายขับแท็กซี่ที่นำตัวมาจาก จ.สุรินทร์ อยู่ในข่ายใช้โทรศัพท์เกี่ยวข้องกับกลุ่มนี้ โทร.หากัน ก็เรียกมาคุย จริงๆ แล้วนอกจากแท็กซี่รายนี้มีเรียกมาคุยเยอะมาก มีหลายคนที่พบโทรศัพท์คุยกับกลุ่ม ผู้ต้องสงสัย ถ้าคุยแล้วเหตุผลฟังได้ เราก็ไม่ติดใจอะไร ส่วนคนขับแท็กซี่ที่ขับรถพาชายที่วางระเบิดไปก่อเหตุนั้น ยังอยู่ระหว่างสอบสวนหาความเกี่ยวข้อง เพราะยังให้การวนไปวนมา ก็ตั้งข้อสังเกตว่าอาจไม่รู้เห็น แต่ปกปิดอะไรไว้ เข้าข่ายความผิดหรือไม่ หากการปกปิดนั้นผิดกฎหมาย เราก็ต้องดำเนินการอย่างอื่นต่อไป" โฆษกตำรวจกล่าว

ต้องเค้นให้ได้-ใครอยู่เบื้องหลัง
      โฆษกตำรวจกล่าวอีกว่า ขณะนี้ยังไม่ควบคุมใครเพิ่ม ผู้ต้องหาอยู่ในการควบคุมตัวของทหาร คุมตัวได้ผัดละ 7 วัน และสามารถขยายเวลาได้ ตอนนี้เพิ่งเริ่มสอบสวนสอบปากคำ ยังเร็วไปที่จะพูดรายละเอียด แต่ค่อนข้างมั่นใจว่าเป็นคนที่ร่วมก่อเหตุระเบิดแน่นอน ในช่วง 2-3 วันนี้ ยังไม่ออกหมายจับใครเพิ่มเติมได้ ขอเวลาสอบสวนก่อน
      ผู้สื่อข่าวถามว่า ขณะนี้ตัดประเด็นมูลเหตุการเมืองในประเทศออกได้หรือไม่ พล.ต.ท.ประวุฒิกล่าวว่าต้องดูก่อน อย่าเพิ่งไปตัด เพราะเราไม่ทราบว่าเขาทำงานให้ใคร ต้องรู้ว่าคนนี้ใช่หรือไม่ ทำงานให้ใคร เขาไม่รับหรอก โยงให้ได้ว่าทำให้ใคร จะให้รับว่าคนนี้จ้างไม่มีทางรับหรอก ตอนนี้ที่เราได้คือคนนี้เกี่ยวข้อง เราเพิ่งมั่นใจจากวัตถุพยาน หลังจากตรวจสอบแบบนี้มาหลายกลุ่ม บางอย่างผู้ต้องหายังไม่ให้ความร่วมมือ

แฉทำบึ้มเนี้ยบ-อานุภาพสูง
      "ตอนนี้น่าจะมีกลุ่มนี้กลุ่มเดียวที่เกี่ยวข้องกับเหตุวางระเบิด เชื่อว่าการจับกุมที่ผ่านมาจะสร้างความเชื่อมั่นให้ประชาชนและนักท่องเที่ยวอย่างน้อยหยุดยั้งเหตุได้ ชิ้นส่วนต่างๆ นั่นเขาเตรียมไว้ ทำง่ายมาก ใช้ถุงเทลงไปเลย ทำไปป์บอมบ์ได้หลายแบบพกง่าย รูปแบบระเบิดละเอียด เรียบร้อย ซิกเนเจอร์ตรงกับทั้งที่ราชประสงค์และสาทร ไปป์ซิกเนเจอร์ และบอลแบริ่ง หรือลูกปราย ซึ่งบอลแบริ่งนี่สำคัญ ที่เราเคยพบเอาเหล็กเส้นมาตัด แต่บอลแบริ่งสามารถทะลุผ่านสิ่งกั้นขวางไปไกล 200 เมตร แข็ง ทำลายล้างสูง อานุภาพสูง" พล.ต.ท.ประวุฒิกล่าว
      พล.ต.ท.ประวุฒิ กล่าวต่อว่า ขณะนี้ยังไม่ตรวจสอบประวัติของชายที่จับกุม แต่เชื่อว่ามีหลายคน ตอนนี้การสอบสวนยังไม่ถึงขั้นว่ารับสารภาพ คนร้ายขนาดนี้เขาไม่รับง่ายๆ ยังเร็วเกินไปที่จะสรุปประเด็นการก่อเหตุ ยังยืนยันชื่อชายคนนี้ไม่ได้ รอสักระยะ เขาอาจมาจากประเทศไหนสักประเทศ เช่น อ้างว่ามาจากตุรกี เราก็ต้องตรวจสอบไปทางตุรกีว่าจริงหรือไม่ ใช่คนในประเทศเขาหรือเปล่า

'โอ๊ค'ลั่นจ่ายแน่นำจับ 7 ล้าน
       ด้านนายสมหวัง อัสราษี แกนนำแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ(นปช.) โพสต์ข้อความในเฟซบุ๊ก ระบุว่ายินดีที่ได้รับข่าวสารจากทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ ว่าจับตัวผู้ร่วมขบวนการวางระเบิดที่ราชประสงค์ได้แล้ว เป็นเรื่องที่คนไทยให้ความสนใจเป็นอย่างมาก ด้วยข้อมูลและหลักฐานที่จับได้นั้น ย่อมนำไปสู่การจับตัวผู้ที่ลงมือได้ในไม่ช้านี้แน่นอน ยังขอยืนยันว่าเงินรางวัล 2 ล้านบาท ที่ร่วมกับสำนักงานตำรวจแห่งชาติ พร้อมจะนำเงินสดไปมอบให้ด้วยตัวเองทันที ขอให้กำลังใจเจ้าหน้าที่ตำรวจและทหารทุกท่าน
        ขณะที่นายพานทองแท้ ชินวัตร ลูกชายพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร โพสต์ข้อความใน เฟซบุ๊กว่า รางวัลนำจับ 7 ล้านบาทจากพานทองแท้ พร้อมเสิร์ฟทันทีที่โฆษกรัฐบาลแถลงอย่างเป็นทางการให้คนทั้งโลกรับทราบว่า ทางการไทยจับแก๊งวางระเบิดที่ราชประสงค์ได้แล้ว

ตุรกี พร้อมร่วมมือไทยคลี่คดี
        ขณะเดียวกัน สถานเอกอัครราชทูตตุรกีประจำประเทศไทย เผยแพร่คำแถลงของสถานทูตว่า ประเทศตุรกีมีจุดยืนที่มั่นคงในการต่อต้านการก่อการร้ายทุกรูปแบบ ไม่ว่าการก่อการร้ายนั้นจะมีแหล่งที่มาต้นกำเนิด หรือแรงจูงใจอย่างใดก็ตาม ประเทศตุรกียังคงมีนโยบายต่อสู้กับการก่อการร้ายอย่างเด็ดเดี่ยว เกี่ยวกับการรายงานข่าวที่มีการคาดการณ์ระบุว่ามีชาวตุรกีพัวพันกับเหตุการณ์วางระเบิดบริเวณศาลท้าวมหาพรหมนั้น ประเทศตุรกีได้ส่งสารแสดงจุดยืนต่อต้านการก่อการร้ายไปถึงสถานเอกอัครราชทูตไทยประจำกรุงอังการา และแสดงความพร้อมที่จะให้ความร่วมมือกับทางการไทย
       คำแถลงระบุต่อว่า หากทางการไทยมีข้อมูลที่แน่ชัด ซึ่งสอดคล้องกับการคาดการณ์ตามรายงานข่าว และทางสถานเอกอัครราชทูตตุรกีประจำประเทศไทย ยังได้ติดต่อกับกระทรวงการต่างประเทศของไทยในกรุงเทพฯ เกี่ยวกับเรื่องดังกล่าวแล้ว จากกระแสข่าวที่เกิดขึ้น สถานทูตติดตามข่าวด้วยความเศร้าสลด ต่อการรายงานข่าวและบทวิเคราะห์คาดการณ์ต่างๆ ที่เชื่อมโยงชาวตุรกีกับเหตุการณ์วางระเบิดบริเวณศาลท้าวมหาพรหม ขอยืนยันจุดยืนในการแสดงความเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันกับประเทศไทย ตลอดจนยืนยันความพร้อมของเราในการให้ความร่วมมือกับทางการไทย

จ่อออกหมายจับต่างชาติอีก 3
       รายงานข่าวแจ้งว่า พนักงานสอบสวน สน.หนองจอก เตรียมยื่นหลักฐานขอหมายจับบุคคลต้องสงสัยชายต่างชาติจำนวน 3 คน ในข้อหาร่วมกันมียุทธภัณฑ์และอุปกรณ์ใช้ประกอบระเบิด ซึ่งทางราชการไม่อนุญาตให้มีไว้ในครอบครอง ต่อศาลจังหวัดมีนบุรี โดยเป็นบุคคลที่ปรากฏตามภาพกล้องวงจรปิดจุดเข้าออกห้องเลขที่ 412 และ 414 พูลอนันต์อพาร์ตเมนต์ เลขที่ 134/5 ปากซอยเชื่อมสัมพันธ์ 11 แขวงกระทุ่มราย เขตหนองจอก กทม.
       ข่าวแจ้งอีกว่า นอกจากนี้ ทีมสืบสวนสอบสวนยังติดตามขยายผลชายต้องสงสัยที่เป็นกลุ่มเชื่อมโยงกับชายต่างชาติที่จับคุมได้ก่อนหน้าพร้อมอุปกรณ์การประกอบระเบิดหลายรายการ โดยคาดว่ามีชายต่างชาติมีส่วนร่วมและรู้เห็นถึง 6 คน จากการสอบพยานบุคคลและพยานประกอบในส่วนอื่นๆ แต่ในเบื้องต้นพบหลักฐานที่พอจะยื่นขอหมายจับต่อศาลได้ 3 คน

ตรวจซิม-พาสปอร์ตที่ยึดได้
       ส่วนที่กองบังคับการปราบปราม พล.ต.ต.อัคราเดช พิมลศรี ผบก.ป. พร้อมด้วยพ.ต.อ.ประเสริฐ พัฒนาดี รองผบก.ป. พ.ต.อ.เอกรักษ์ ลิ้มสังกาศ รองผบก.จร. และพ.อ.วิจารณ์ จดแตง หัวหน้าฝ่ายกฎหมาย หน่วยเฉพาะกิจปฏิบัติการ คสช. พร้อมทีมสืบสวนคดีระเบิดของกองปราบปราม เข้าร่วมประชุมเพื่อสรุปผลการปฏิบัติการ พร้อมกับวางแนวทางการสืบสวน โดยมีรายงานว่าในที่ประชุมได้มีการแบ่งงานให้ทีมสืบสวนของแต่ละกองกำกับการ ร่วมกับตำรวจชุดสืบสวนของตำรวจนครบาล เพื่อหาหลักฐานภาพจากกล้องวงจรปิดเพิ่มเติมในบริเวณอพาร์ตเมนต์ของผู้ต้องหา เพื่อขยายผลในกรณีที่อาจยังมีผู้ร่วมขบวนการหลงเหลืออยู่
      รายงานข่าวแจ้งว่า ชุดสืบสวนกองปราบฯ กำลังเร่งตรวจสอบซิมการ์ดของโทรศัพท์มือถือที่ยึดมาได้จากที่เกิดเหตุ เพื่อขยายผลไปยังบุคคลอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง รวมทั้งกำลังเร่งตรวจสอบหนังสือเดินทางของผู้ต้องหาที่ยึดมาได้ทั้งหมด โดยจะประสานกับ เจ้าหน้าที่ของสถานทูตตุรกี เพื่อตรวจสอบหาแหล่งที่มาที่ไปของหนังสือเดินทาง ดังกล่าวด้วย จากการตรวจสอบกล้องวงจรปิดของอาคารที่พักของผู้ต้องหา ช่วงเวลาเกิดเหตุยังไม่พบมีผู้ต้องสงสัยรายอื่น

สงสัยผู้หญิงไทยร่วมทีมบึ้ม
      รายงานข่าวแจ้งต่อว่า นอกจากนี้ยังประสานงานกับเจ้าหน้าที่ตำรวจสน.มีนบุรี เพื่อให้ติดตามตัวผู้เปิดห้องเช่าเลขที่ 9106 อาคารไมมูณา การ์เด้นโฮม ซอยบุญยะบา แขวงแสนแสบ เขตมีนบุรี มาสอบสวน เนื่องจากเจ้าของหอพักดังกล่าวให้การกับตำรวจว่ามีหญิงไทยคนหนึ่งเป็นคนที่มาเปิดห้องเช่าต้องสงสัยไว้
      สำหรับ ห้องพักที่อาคารไมมูณา การ์เด้นโฮม มีรายงานว่าจากการเข้าตรวจค้นเมื่อวันที่ 29 ส.ค.ที่ผ่านมา หลังจากผู้ต้องหาระบุว่าเป็นจุดซุกซ่อนวัตถุระเบิด ผลตรวจค้นพบปุ๋ยยูเรียตราเรือไวกิ้ง สูตร 40-0-0 ผงสีขาว ดินเทา 2 ขวด กระป๋องขนาด 12.7 เซนติเมตร 6 กระป๋อง สายไฟสีดำ หลอดไฟฟ้าประดับต้นไม้ สายไฟสีน้ำเงิน นาฬิกาข้อมือ 4 เรือน นาฬิกาตั้งโต๊ะ 1 เรือน นอต 1 ห่อ กล่องวิทยุสื่อสาร กล่องเปล่าพลาสติก รถบังคับ และกระเป๋าเป้ใส่หนังสือ ระหว่างการตรวจค้นยังไม่พบตัว ผู้หญิงเจ้าของห้อง ทางเจ้าหน้าที่กำลังติดตามตัวอย่างเร่งด่วน เพราะเชื่อว่าน่าจะมีส่วนเกี่ยวพันกับทีมระเบิด

แฉปมบึ้ม-แก๊งค้าชาวอุยกูร์
       รายงานข่าวแจ้งด้วยว่า หลังเกิดเหตุเจ้าหน้าที่ตรวจสอบโทรศัพท์มือถือในบริเวณที่เกิดเหตุ โดยคัดกรองตั้งแต่บริเวณย่านหัวลำโพง มาจนถึงบริเวณแยกราชประสงค์ จนกระทั่งเหลือในข่ายต้องสงสัย และ นำไปสู่การจับกุมผู้ต้องหาชาวตุรกี ในอพาร์ตเมนต์ย่านหนองจอก พร้อมทั้งตรวจสอบโทรศัพท์มือถือที่ผู้ต้องหาใช้พบมีสารระเบิดอยู่ด้วย และเมื่อตรวจสอบยังพบด้วยว่า ในวันเกิดเหตุได้ใช้โทรศัพท์เครื่องดังกล่าวที่บริเวณแยกราชประสงค์ เจ้าหน้าที่เชื่อว่าผู้ต้องหาต้องสัมผัสระเบิดและอยู่ในที่เกิดเหตุด้วยกันหลายคน แต่ยังไม่สามารถยืนยันได้ว่าเป็นชายเสื้อเหลืองสะพายเป้หรือไม่
      ส่วนกรณีพล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง ผบ.ตร. ที่ระบุไว้ก่อนหน้านี้ถึงสาเหตุการก่อเหตุว่าไม่ใช่ก่อการร้าย แต่เป็นการเจ็บแค้นส่วนตัว หรือเจ็บแค้นแทนเพื่อนฝูงนั้น จากการตรวจสอบของเจ้าหน้าที่ชุดคลี่คลายคดี พบพาสปอร์ตปลอมสัญชาติตุรกีกว่า 200 เล่มที่ยึดได้จากห้องพักของผู้ต้องหา จึงพุ่งเป้าไปที่อาจเกี่ยวข้องกับแก๊งค้าชาว อุยกูร์และเจ็บแค้นที่ถูกกวาดล้างจับกุม สูญเสียผลประโยชน์ จึงนำมาสู่การก่อเหตุ ไม่น่าใช่กลุ่มก่อการร้ายสากลที่มีอุดมการณ์

 

 

วันที่ 30 สิงหาคม พ.ศ. 2558 ปีที่ 25 ฉบับที่ 9041 ข่าวสดรายวัน


ไปป์บอมบ์เต็มห้อง จับแล้ว 1 หนุ่มตุรกีทีมบึ้มกรุง 
ฝังตัวหนองจอก 2 เดือน บินจากเมืองอิสตันบูล ผ่านเข้าเวียดนาม-ลาว เป็นขบวนการขนอุยกูร์ สมยศยันมีร่วมนับสิบ ล็อกเพิ่มแท็กซี่พัวพัน


จับแล้ว1 - จนท.จับกุมชายต่างชาติต้องสงสัยร่วมทีมระเบิดศาลพระพรหม ได้ที่อพาร์ตเมนต์ ย่านหนองจอก ค้นห้องพบอุปกรณ์ระเบิดแบบเดียวกับที่ใช้บึ้มราชประสงค์ รวมทั้งพาสปอร์ตชาวตุรกี อายุ 28 ปี เมื่อวันที่ 29 ส.ค.

 

        จนมุมแล้ว 1 แขกขาว-ร่วมทีมบึ้มกรุง ตร.ลุยค้นห้องพักย่านหนองจอก พบอุปกรณ์ประกอบระเบิดเพียบ ทั้งเสื้อเปื้อนสารระเบิดทีเอ็นทีและยูเรีย สายไฟฟ้า ถังเคมี ท่อเหล็ก พาสปอร์ตประเทศหนึ่งอีกอื้อ ตรวจสอบพบเปิดไว้ 5 ห้อง โดยมีหนุ่มตุรกีเป็นผู้เช่าไว้ตั้งแต่ม.ค.57 สมยศเชื่อโยงบึ้มราชประสงค์-สาทร ก่อนแจ้งข้อหามีระเบิดในครอบครอง แฉมีร่วมขบวนการถึง 10 คน พาสปอร์ตนับร้อยเล่ม-เป็นของปลอมอื้อ กำลังเร่งตรวจสอบหาประเทศที่มา ย้ำไม่ใช่ก่อการร้าย แต่เป็นปมเจ็บแค้นแทนพี่น้องเพื่อนฝูง จากนั้นคุมตัวชายต่างชาติไปเค้นสอบที่มทบ.11 รับบินมาจากตุรกี มาลงเวียดนามผ่านสปป.ลาวแล้วเข้าไทย ก่อนพักอยู่ย่านหนองจอก ทำหน้าที่จัดหาสิ่งของอุปกรณ์ให้ทีมบึ้ม โดยอยู่มา 2 เดือนแล้ว ชี้เป็นขบวนการขนคน อุยกูร์ด้วย จนท.ยังหิ้วแท็กซี่มาสอบพบใช้มือถือเชื่อมโยง-แต่ยังปฏิเสธ

      จากเหตุระเบิดกรุง 2 จุด บริเวณศาลพระพรหม แยกราชประสงค์ บริเวณท่าเรือสาทร โดยกล้องวงจรปิดจับภาพชายชาวต่างชาติต้องสงสัยใส่เสื้อสีเหลือง มือวางระเบิดที่ราชประสงค์ ส่วนที่บริเวณท่าเรือสาทรนั้น กล้องจับภาพชายชาวเอเชียหน้าตี๋ ใส่เสื้อสีฟ้า ขณะเดียวกัน สื่อต่างประเทศวิเคราะห์ว่าอาจเป็นฝีมือ "เกรย์ วูล์ฟส์" หรือหมาป่าสีเทา กลุ่มชาตินิยมสุดโต่งในประเทศตุรกี สาเหตุไม่พอใจรัฐบาลไทยส่งชนกลุ่มน้อยชาวอุยกูร์กลับไปให้ทางการจีน ล่าสุดศาลอนุมัติหมายจับชายเสื้อสีฟ้า ผู้ต้องสงสัยวางระเบิดท่าเรือสาทร พร้อมเร่งติดตามตัว 3 ชาวอุยกูร์สัญชาติตุรกี หลังหลบหนีจากสถานที่ควบคุมตัว ตม.สระแก้ว ตามที่เสนอข่าวไปเป็นลำดับแล้วนั้น

 

สมยศย้ำทำเป็นขบวนการ

      เมื่อวันที่ 29 ส.ค. ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง ผบ.ตร. เรียกพล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา รอง ผบ.ตร. พล.ต.ท.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล ผบช.น. พล.ต.ท.ชัยวัฒน์ เกตุวรชัย ผบช.ส. พล.ต.ต.รณศิลป์ ภู่สาระ รอง ผบช.ก. พล.ต.ต.ชาญเทพ เสสะเวช รองผบช.น. พล.ต.ต.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข รอง ผบช.น. พล.ต.ต.ชยพล ฉัตรไชยเดช ผบก.น.6 และตำรวจชุดคลี่คลายคดีระเบิดทั้ง 2 จุด ร่วมประชุมหารือและสรุปความคืบหน้าคดี

        พล.ต.อ.สมยศ เปิดเผยว่า ขณะนี้ตำรวจได้ใช้วิธีการให้ตำรวจนอกเครื่องแบบ ร่วมกับอาสาสมัครที่มีความรู้ความชำนาญด้านภาษา ลงพื้นที่แฝงตัวในหมู่นักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ ทั้งในแหล่งท่องเที่ยวและแหล่งที่พักอาศัยของชาวต่างชาติ เพื่อหาข่าวและข้อมูลของคนร้ายที่ก่อเหตุระเบิด การสอบสวนพยานทุกคน ตลอดจนสรุปความคืบหน้าในการตรวจสอบกล้องวงจรปิด ทั้งของภาครัฐและเอกชน การนำอุปกรณ์พิเศษที่ได้รับการช่วยเหลือสนับสนุนจากต่างประเทศและบริษัทเอกชนต่างๆ ผลเป็นที่น่าพอใจว่าจากความมุ่งมั่นและทุ่มเทในการคลี่คลายคดีของเจ้าหน้าที่ ทำให้คดีมีความคืบหน้าไปมาก จนทำให้สามารถทราบถึงขบวนการและกลุ่มผู้ต้องสงสัย ที่มีทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติร่วมกันก่อเหตุ โดยมีความชัดเจนมากขึ้นว่าคนร้ายน่าจะมีหลายคน ทำเป็นขบวนการและแบ่งหน้าที่กันทำ จึงสั่งการให้เจ้าหน้าที่เร่งสืบสวนและติดตามจับกุมคนร้ายมาดำเนินคดีให้ได้โดยเร็ว เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้กับประชาชนและชาวต่างชาติ โดยมั่นใจว่าเจ้าหน้าที่จะจับกุมคนร้ายได้ในเร็วๆ นี้

 

ลุยค้นห้องพัก-จับหนุ่มต่างชาติ

ต่อมาเวลา 14.00 น. พล.ต.ท.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล ผบช.น. พล.ต.ต.ภัคพงศ์ พงษ์เภตร รองผบช.น. พล.ต.ต.สมบัติ มิลินทจินดา ผบก.สส.บชน. พล.ต.ต.อัคราเดช พิมลศรี ผบก.ป. พ.ต.อ.ภูมินทร์ พุ่มพันธุ์ม่วง ผกก.5 บก.ป. พ.ต.ท.อนรรฆ ประสงค์สุข รองผกก.1 บก.ป. พ.ต.อ.กำธร อุ่ยเจริญ ผกก.อีโอดี และกำลังทหารจากกรมทหารม้าที่ 1 รักษาพระองค์ เข้าตรวจสอบภายในห้องพัก ภายในพูลอนันต์อพาร์ตเมนต์ ตั้งอยู่เลขที่ 134/5 ปากซอยเชื่อมสัมพันธ์ 11 แขวงกระทุ่มราย เขตหนองจอก กทม. หลังสืบทราบมีผู้ต้องสงสัยที่เชื่อว่าเกี่ยวข้องกับการวางระเบิดบริเวณแยกราชประสงค์และท่าเรือสาทร มาเปิดห้องพักรวม 5 ห้องในอพาร์ตเมนต์ดังกล่าว ประกอบด้วย ห้องพักเลขที่ 404 409 410 411 และ 412

จากการตรวจค้นได้ควบคุมตัวชายชาวต่างชาติ ลักษณะแขกขาว อยู่ภายในห้องเลขที่ 412 ขณะเดียวกันยังตรวจค้นพบของกลาง เป็นอุปกรณ์และวัตถุที่ใช้สำหรับประกอบระเบิดจำนวนมาก โดยเฉพาะลูกปรายแบบกลมเส้นผ่าศูนย์กลาง 0.5 ซ.ม. ซึ่งเป็นชนิดเดียวกับที่ใช้ก่อเหตุวางระเบิดบริเวณแยกราชประสงค์และท่าเรือสาทร รวมทั้งฝักแคหรือตัวจุดชนวนระเบิด และเสื้อเชิ้ตที่เปื้อนสารระเบิดทีเอ็นทีและยูเรีย ถ่านไฟฉายหลายขนาดทั้งแบบกลมและเหลี่ยม อุปกรณ์สายไฟฟ้า เทปพันสายไฟ ท่อเหล็ก ถังเคมีบางชนิด พร้อมทั้งพบสารตั้งต้นที่สามารถนำมาทำระเบิดได้ ซึ่งสารบางชนิดสามารถหาซื้อได้ในประเทศไทย ขณะที่บางชนิดต้องนำเข้าจากต่างประเทศ โดยพบทั้งหมดภายในห้องเลขที่ 412 ส่วนอีก 4 ห้องที่เหลือพบเป็นห้องเปล่า

 

หิ้วตัวไปสอบในค่ายทหาร

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากการตรวจสอบภายในห้องพักพบชายชาวต่างชาติ พร้อมพบพาสปอร์ตระบุชื่อนาย ADEM KARADAG อายุ 28 ปี ชาวตุรกี ซึ่ง เจ้าหน้าที่กำลังตรวจสอบว่าเป็นพาสปอร์ตจริงหรือไม่ ส่วนห้องพักทั้ง 5 ห้องตรวจสอบข้อมูลพบมีนาย AMMET MEHMET EMIN AYSE ชาวตุรกีเป็นผู้เช่าห้องไว้ตั้งแต่วันที่ 27 ม.ค.2557

ต่อมาเวลา 16.30 น. พล.ต.อ.สมยศ ผบ.ตร. พร้อมด้วยพล.ต.ท.ประวุฒิ ถาวรศิริ ผู้ช่วยผบ.ตร.และโฆษกตร. เดินทางมายังอพาร์ตเมนต์ดังกล่าว เพื่อรับทราบรายละเอียดการเข้าตรวจค้น


ลุยเอง - พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง ผบ.ตร. รุดบัญชาการการจับกุมและตรวจค้นผู้ต้องสงสัยร่วมทีมบึ้มศาลพระพรหม ที่อพาร์ตเมนต์ ในซอยเชื่อมสัมพันธ์ 11 เขตหนองจอก กทม. เมื่อวันที่ 29 ส.ค.

จากนั้นเวลา 17.15 น. เจ้าหน้าที่นำตัวชายชาวต่างชาติ ซึ่งใส่เสื้อสีเหลือง และมีผ้าสีดำคลุมศีรษะลงมาถึงต้นคอ ขึ้นรถอีซูซุ มิว7 สีดำ ทะเบียน ฎพ 3038 กรุงเทพมหานคร ก่อนเจ้าหน้าที่จะรีบขับรถออกไปอย่างรวดเร็ว รวมทั้งมีการกั้นบริเวณถนน เพื่อไม่ให้สื่อมวลชนติดตามไป เบื้องต้นทราบว่าเจ้าหน้าที่ได้นำตัวชายชาวต่างชาติไปสอบสวนที่มทบ.11

 

ผบ.ตร.ยันโยงราชประสงค์-สาทร

จากนั้นพล.ต.อ.สมยศเปิดเผยว่า การตรวจค้นวันนี้เป็นการเข้าตรวจและจับกุมชายชาวต่างชาติ ไม่ระบุสัญชาติ ซึ่งเชื่อว่ามีความเชื่อมโยงและเกี่ยวข้องกับการก่อเหตุระเบิดที่แยกราชประสงค์และท่าเรือสาทร แต่ยังไม่สามารถระบุได้ว่าเชื่อมโยงในส่วนใด เนื่องจากต้องดำเนินการสอบปากคำตามขั้นตอนคือ ผู้ต้องหาเป็นชาวต่างชาติ ในการสอบปากคำจึงต้องมีล่ามและเจ้าหน้าที่สถานทูตเข้ามาร่วมสอบปากคำ ขณะนี้จึงยังไม่สามารถให้รายละเอียดหรือตอบคำถามที่สงสัยได้ทั้งหมด เบื้องต้นได้แจ้งข้อหามีวัตถุระเบิดไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต พร้อมยึดของกลางเกี่ยวกับระเบิดจำนวนมาก อย่างไรก็ตาม ขณะนี้เจ้าหน้าที่ได้คุมตัวผู้ต้องหาไปที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติแล้ว

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ระหว่างการสัมภาษณ์มีผู้สื่อข่าวถามพล.ต.อ.สมยศว่า ยืนยันหรือไม่ว่าการจับกุมผู้ต้องหาครั้งนี้ไม่ใช่การจับแพะ เป็นเหตุให้พล.ต.อ.สมยศเกิดความไม่พอใจ และย้อนถามว่าคุณถามอย่างนี้ได้อย่างไร คำถามไม่สร้างสรรค์เลย คุณเป็นคนไทยหรือเปล่า ในสถานการณ์ที่คนกำลังรู้สึกดีๆ ผมไม่แคร์คุณหรอกนะ ไปไกลๆ

ส่วนพล.ต.ท.ประวุฒิเปิดเผยว่า จากการตรวจสอบพาสปอร์ตพบเป็นของปลอมจึงไม่อาจยืนยันถึงสัญชาติได้ ส่วนการตรวจค้นห้องพักพบอุปกรณ์ประกอบระเบิดอีกจำนวนมาก โดยเฉพาะในส่วนของลูกปรายที่มีขนาดใกล้เคียงกับเหตุระเบิดบริเวณแยกราชประสงค์ ทำให้เชื่อว่ามีความเชื่อมโยงกับเหตุระเบิดบริเวณแยกราชประสงค์และท่าเรือสาทร

พล.ต.ท.ประวุฒิกล่าวอีกว่า ส่วนใบหน้าของชายชาวต่างชาติที่ควบคุมตัวไว้ได้คล้ายคลึงกับมือระเบิดบริเวณแยกราชประสงค์ตามภาพสเกตช์ แต่ต้องขอเวลาให้เจ้าหน้าที่ตรวจสอบจุดเกิดเหตุและรายละเอียดทั้งหมดอีกครั้ง เบื้องต้นทหารได้คุมตัวชายชาวต่างชาติไปสอบสวนหาข้อมูลเพิ่มเติมแล้ว

 

ค้นเจอชิ้นส่วนบึ้มเพียบ

รายงานข่าวแจ้งว่า เจ้าหน้าที่ได้เข้าตรวจค้นห้องพักเลขที่ 404, 409, 410, 411, 412 ส่วนของกลางที่ตรวจพบภายในห้องพักประกอบด้วย 1.เสื้อเชิ้ตมีสารเกี่ยวกับระเบิดซีโฟร์หรือทีเอ็นทีเปื้อนอยู่ 1 ตัว 2.เสื้อมีสารยูเรียเปื้อนอยู่ 3 ตัว 3.ลูกเหล็กกลมหรือลูกปืนบรรจุถุงพลาสติกทำเป็นแพ็กแบนๆ 4.ถ่านไฟฉายหลายขนาด 5.สายไฟฟ้า หัวเชื่อมและเทปพันสายไฟ 6.ไขควงและกรรไกร 7.ถังแกลลอนบรรจุสารเคมีไม่ทราบชนิด 8.กล่องกระดาษบรรจุโซเดียม คาร์บอเนต หรือโซดา แอช 9.ท่อเหล็กต๊าปเกลียว 2 ด้าน ขนาดต่างๆ พร้อมฝาครอบเหล็ก 10.ผ้าเย็บสำหรับพันรอบเอวติดตีนตุ๊กแก 11.สายชนวนฝักแค สีชมพู ยาว 8 ซ.ม. จำนวน 10 เส้น

รายงานข่าวแจ้งอีกว่า สำหรับห้องพักที่ตรวจค้นทั้ง 5 ห้อง จากการสอบถามชาวบ้านในละแวกใกล้เคียงทราบว่า ก่อนหน้านี้มักมีชาวต่างชาติสลับสับเปลี่ยนกันมาพักอาศัย ส่วนสาเหตุที่เลือกเช่าห้องพักย่านหนองจอก เนื่องจากบริเวณดังกล่าวเป็นย่านที่ชาวมุสลิมพักอาศัยอยู่จำนวนมาก เพื่อจะได้ดูกลมกลืนเหมือนคนในพื้นที่

 

คุมโชเฟอร์แท็กซี่เค้นเครียด

ส่วนพาสปอร์ตที่ตรวจค้นพบมีกว่า 100 เล่ม โดยคาดว่าทั้งหมดจะเป็นพาสปอร์ตปลอม โดยเตรียมส่งให้ตำรวจตรวจคนเข้าเมืองไปตรวจสอบอีกครั้ง รวมทั้งยังส่งที่นอน หมอน ตู้เย็นและของใช้ที่อยู่ในห้องพักทั้งหมดไปตรวจสอบที่กองพิสูจน์หลักฐาน เพื่อตรวจสอบหาหลักฐานและดีเอ็นเอของผู้ต้องสงสัยที่อาจเกี่ยวข้องเพิ่มเติม ขณะที่ฝักแคสีชมพูที่ตรวจพบนั้น พบมีลักษณะคล้ายกับเหตุระเบิดบริเวณสาทร ซึ่งต้องรอตรวจสอบอีกครั้ง

รายงานข่าวแจ้งว่า เจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนยังได้เดินทางไปควบคุมตัวโชเฟอร์แท็กซี่รายหนึ่งเป็นชาวจ.สุรินทร์ ได้ที่จ.สุรินทร์พร้อมคุมตัวมาสอบสวนว่าเกี่ยวข้องกับเหตุระเบิดหรือไม่ เนื่องจากตรวจสอบพบโชเฟอร์คนดังกล่าวใช้โทรศัพท์มือถือที่เกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น อีกทั้งยังมีหลักฐานพบว่าเคยไปรับส่งบุคคลต้องสงสัยหลายครั้ง จึงคาดว่าอาจเกี่ยวข้องด้วย เบื้องต้นโชเฟอร์แท็กซี่ยังคงให้การปฏิเสธว่าไม่เกี่ยวข้องกับเหตุระเบิด โดยเจ้าหน้าที่ได้คุมตัวโชเฟอร์แท็กซี่มาให้พล.ต.อ.สมยศ และพล.ต.อ.จักรทิพย์ สอบสวนที่บช.ส.

 

แจ้งข้อหาครอบครองระเบิด

ต่อเวลา 18.00 น. พ.อ.วินธัย สุวารี โฆษกคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) พร้อม พล.ต.ท.ประวุฒิ แถลงผ่านทางโทรทัศน์รวมการเฉพาะกิจแห่งประเทศไทย โดยพล.ต.ท.ประวุฒิกล่าวว่า เจ้าหน้าที่ทหารได้สนธิกำลังกับเจ้าหน้าที่ตำรวจเข้าตรวจค้นพื้นที่เป้าหมายตามข้อมูล ที่อพาร์ตเมนต์แห่งหนึ่ง ซอยเชื่อมสัมพันธ์ 11 แขวงกระทุ่มราย เขตหนองจอก กทม. ซึ่งมีผู้ต้องสงสัยเข้าพัก จากการตรวจค้นพบชายชาวต่างชาติ อายุ 28 ปี พร้อมของกลางเป็นชิ้นส่วนประกอบระเบิดจำนวนมาก ประกอบด้วย ฝักแคหรือตัวจุดชนวนระเบิด ชิ้นส่วนระเบิด ลูกปืนรถจักรยานยนต์ที่เป็นแพ็กและมีสติ๊กเกอร์ติดอยู่ ซึ่งสะดวกแก่การประกอบระเบิด ท่อเหล็กและฝาครอบ ซึ่งเป็นคอนเทนเนอร์สำหรับบรรจุระเบิด และ พาสปอร์ตของประเทศหนึ่งเป็นจำนวนมาก

พล.ต.ท.ประวุฒิกล่าวว่า เบื้องต้น เจ้าหน้าที่แจ้งข้อหาฐานที่มีวัตถุระเบิดไว้ในครอบครอง ขณะนี้ได้ถูกเจ้าหน้าที่ทหารจับกุมและควบคุมตัวไว้ ซึ่งในรายละเอียดตรวจสอบเบื้องต้นพบว่ามีความเชื่อมโยงเหตุระเบิดแยกราชประสงค์และท่าเรือสาทร อีกทั้งเชื่อว่าเป็นคนร้ายในกลุ่มเดียวกัน


เค้นแท็กซี่ - พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง ผบ.ตร. สอบปากคำโชเฟอร์แท็กซี่ชาวจ.สุรินทร์ หลังพบใช้โทรศัพท์มือถือติดต่อและไปรับส่งบุคคลต้องสงสัยที่อาจเกี่ยวข้องกับเหตุระเบิดหลายครั้ง แต่เบื้องต้นยังคงให้การปฏิเสธ ที่บช.ส. เมื่อวันที่ 29 ส.ค.

 

ด้านพ.อ.วินธัยกล่าวว่า เป็นการทำงานกันอย่างแข็งขันหนักหน่วงของเจ้าหน้าที่ตำรวจและเจ้าหน้าที่ทหาร ส่วนมาตรการการรักษาความปลอดภัยอื่นๆ ยังคงให้เจ้าหน้าที่เฝ้าระวังในหลายพื้นที่ โดยเฉพาะจุดผ่านเข้าออกพื้นที่ชายแดนทั่วประเทศ ขณะเดียวกันผู้บัญชาการทหารบกได้กำชับเจ้าหน้าที่ที่อยู่ในพื้นที่ชายแดน ให้มีความเข้มข้นในการปฏิบัติหน้าที่เฝ้าระวัง รวมทั้งจุดท่องเที่ยวและพื้นที่ชุมชนที่มีประชาชนจำนวนมาก อย่างไรก็ตามขอบคุณประชาชนที่ให้ความร่วมมือในการแจ้งเบาะแส 1515 ซึ่งคสช.หวังว่าจะได้รับความร่วมมือต่อไป

 

ผบ.ตร.ชี้ของกลางแบบเดียวกัน

จากนั้นเวลา 19.00 น. ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) พล.ต.อ.สมยศกล่าวก่อนร่วมประชุมกับชุดสืบสวนว่า ตำรวจและทหารร่วมกันจับกุมคนร้ายเป็นชายชาวต่างชาติ แต่ไม่ขอเปิดเผยว่าเป็นชาติอะไร 1 คน พร้อมของกลางจำนวนมาก แต่จากการสืบสวนตำรวจทราบแล้วว่าเป็นใคร ชาติอะไรแต่ไม่ขอเปิดเผย เบื้องต้นตั้งข้อหามีวัตถุระเบิดไว้ในครอบครอง โดยเป็นการสืบสวนสอบสวนร่วมกันของตำรวจและทหาร เพื่อร่วมกันหาข้อมูลหาหลักฐานจนเป็นที่ประจักษ์ ว่าคนร้ายหลบซ่อนตัวที่อพาร์ตเมนต์แห่งนี้ในเขตพื้นที่สน.หนอง จอก จึงร่วมกันเข้าจับกุมตั้งแต่เช้ามืด กระทั่งเวลา 05.00 น. จึงเข้าจู่โจมจับกุมและสอบสวน เบื้องต้นขยายผลว่ามีใครเกี่ยวข้องอย่างไรหรือไม่ แต่ต้องขออภัยที่ไม่เปิดเผยรายละเอียดการสอบสวนที่อยู่ในสำนวน เพราะเชื่อว่ามีคนร้ายอีกจำนวนไม่น้อยร่วมขบวนการอยู่ด้วย และยังหลบหนีการจับกุม ทั้งที่เชื่อว่ายังหลบในประเทศและออกนอกประเทศไปแล้ว

ผบ.ตร. กล่าวอีกว่า คนร้ายมีความเชื่อมโยงหลายคน ส่วนจะเป็นหนึ่งในสองคนที่ออกหมายจับไปแล้ว อาจจะใช่หรือไม่ยังด่วนสรุปไม่ได้ ต้องขอเวลาในทางการสืบสวน เพราะการจับกุมใช่เพียงภาพสเกตช์ ออกหมายจับแล้วจับเลย เพราะหน้าตาไปเหมือนภาพสเกตช์ ก่อนจับกุมมีการสืบสวน ทั้งหาข่าวและพยานหลักฐานหลายอย่าง ใช้ประกอบจนมั่นใจว่าเป็นคนร้ายและเชื่อมั่นว่าเป็นผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้อง หรืออยู่ในขบวนการก่อเหตุ ซึ่งเบาะแสได้มาจากทุกกรณี ทั้งจากที่ประชาชนให้ข้อมูลและความสามารถมุ่งมั่นตั้งใจ ทุ่มเท ไม่เห็นแก่ความเหน็ดเหนื่อยของตำรวจและทหารที่ร่วมกันทำงาน เอาประสบการณ์ ความรู้ ความสามารถที่มีมาใช้

"มั่นใจเพราะพยานหลักฐานของกลางที่ยึดได้เป็นของกลางชนิดเดียวกัน ประเภทเดียวกันหรือคล้ายกัน นี่คือสิ่งที่เรามั่นใจ ขณะที่การข่าวเราก็มีข้อมูลที่ทราบว่าเป็นใคร มากันอย่างไร และทำกันเพื่ออะไร พวกนี้คือขบวนการทำผิดกฎหมายมาแต่ต้น ส่วนรายละเอียดขอไม่เปิดเผยเกรงการขยายผลของเจ้าหน้าที่จะยากลำบากขึ้นและทำให้คนร้ายที่ร่วมขบวนการไหวตัวหรือรู้ตัว ตอนนี้ข้อมูลต่างๆ ถูกเปิดเผยไปเยอะแล้วตามโซเชี่ยลมีเดีย ขนาดพยายามปกปิดยังปิดไม่ได้ ตอนนี้บอกไม่ได้หรอกว่าคนร้ายทำเพื่ออะไร" ผบ.ตร.กล่าว

 

แฉมีร่วมขบวนการถึง 10 คน

พล.ต.อ.สมยศกล่าวต่อว่า จากการสืบสวนจนถึงขนาดนี้ยังเชื่อว่ามีผู้ร่วมขบวนการอีก อาจถึง 10 คน แต่ก็เป็นเรื่องการสืบสวน จะชัดหรือแน่นอนต้องรอผลการสอบสวนอีกที ทั้งนี้ทั้งนั้นยังคาดหวังอะไรไม่ได้ หากผู้ต้องหาไม่ยอมให้การ ให้ถ้อยคำก็เป็นเรื่องที่ยากลำบาก เบื้องต้นสามารถคลี่คลายในเรื่องที่ประชาชนทั้งประเทศรอคอยอยู่ว่าตำรวจไทย รัฐบาลไทยจะดำเนินการคลี่คลายคดีนี้ได้หรือไม่ วันนี้แม้จะเหนื่อยแค่ไหน แต่โล่งอกขึ้น ว่าเราสามารถทำได้

ผบ.ตร.กล่าวว่า จากการตรวจสอบพบว่าผู้ต้องหาคนนี้มีพาสปอร์ตหลายเล่ม หลายชาติ ร้อยเล่มก็ร้อยชื่อ แต่เป็นของปลอม จุดเริ่มต้นคือชายคนนี้ทำผิดกฎหมาย สิ่งที่เขาทำผิดกฎหมายคือใช้พาสปอร์ตปลอม นั่นคือจุดเริ่มต้น อย่างไรก็ตามเมื่อพบว่าพาสปอร์ตปลอม ต้องใช้เวลาเพื่อยืนยันพิสูจน์ทราบตัวบุคคลที่แน่นอน ตัวชายคนนี้ถือของปลอม จากการตรวจสอบพบว่าเข้ามาอยู่ในประเทศไทยนานพอสมควร ทางการสืบสวนเราทราบว่าเขาเป็นใคร เมื่อเราไปค้นเจอพาสปอร์ตเขาก็รับว่าพาสปอร์ตปลอม โดยต้องประสานไปยังประเทศที่เกี่ยวข้องเพื่อตรวจสอบยืนยัน หากเขาอ้างว่าตัวเองเป็นชาติอะไร เราก็ต้องประสานงานไปยังสถานทูตชาตินั้นๆ

เมื่อถามว่าขณะนี้ตัดประเด็นใดทิ้งได้บ้างหรือยัง ผบ.ตร.กล่าวว่า ตัดได้เยอะแล้ว ตัดได้เกือบหมด แต่ว่าอย่าให้ตนรีบพูดลงไปเลยว่าที่เขาลงมือก่อเหตุร้ายครั้งนี้เพราะอะไร แต่เราตัดประเด็นไปเยอะแล้ว

 

ปมเจ็บแค้นแทนเพื่อนฝูง

เมื่อถามว่าผู้ต้องหาที่คุมตัวเป็นชาวต่างชาติ ดูลักษณะเป็นแขกขาว เช่นนี้ถูกมองว่าเป็นการก่อการร้ายข้ามชาติได้หรือไม่ ผบ.ตร.กล่าวว่า เอาว่าเป็นชาวต่างชาติ แต่ไม่น่าจะเป็นการก่อการร้ายข้ามชาติ เป็นเหตุผลการเจ็บแค้นส่วนตัว เจ็บแค้นแทนพรรคพวกเพื่อนฝูง ไม่ใช่การก่อการร้ายข้ามชาติ

เมื่อถามว่าพูดเช่นนี้โยงถึงอุยกูร์ ผบ.ตร.กล่าวว่า ไม่น่าจะเกี่ยวข้อง สรุปว่าเขาโกรธแค้นและเจ็บใจแทนเพื่อนเขาดีกว่า หมายถึงพรรคพวกพี่น้องเพื่อนฝูงของเขา อย่าให้ลงลึกกว่านี้เลย แต่ไม่ใช่ขบวนการก่อการร้ายข้ามชาติ

เมื่อถามว่าความเจ็บแค้นคือปมอะไร พล.ต.อ.สมยศกล่าวว่า ก็อาจจะญาติพี่น้องเขาถูกจับ ทำนองนี้ ความคับแค้นมีมานาน พวกนี้เข้ามาอยู่ในประเทศไทยเป็นปีๆ แล้ว

ผบ.ตร.กล่าวว่า ตอนนี้ในเบื้องต้นเราคุมตัวเขาตามอำนาจกฎหมายของทหาร หลังจากเมื่อครบเวลาควบคุมทหารจะส่งมอบให้ตำรวจ ทั้งนี้เชื่อว่ายังมีคนร้ายหลบหนี อีกหลายคนไทยและต่างชาติ

 

เร่งเช็กเป็นระเบิดพลีชีพ

ต่อมาเวลา 19.15 น. ที่บช.ส. พล.ต.อ. สมยศ ร่วมประชุมกับชุดสืบสวนคลี่คลายคดี โดยมีพล.ต.อ.จักรทิพย์ และคณะร่วมประชุม พร้อมนำตัวโชเฟอร์รถแท็กซี่มาสอบสวนด้วย

พล.ต.อ.จักรทิพย์กล่าวว่า ได้คุมตัวคนขับรถแท็กซี่ 1 คน มาจากจ.สุรินทร์ โดยสืบสวนพบความเกี่ยวข้อง เนื่องจากติดต่อกับหมายเลขโทรศัพท์ที่เจ้าหน้าที่สงสัย ตอนนี้ยังมีฐานะเป็นพยาน แต่ยังให้การสับสน และยังไม่ได้ถามว่ารู้จักกับผู้ต้องหาที่จับได้วันนี้หรือไม่ ส่วนผู้ต้องหาที่จับกุมได้ตนยังไม่พบตัวและไม่สามารถบอกถึงการสอบสวนได้ว่าให้การอย่างไร อย่างไรก็ตามได้เตรียมล่ามภาษาต่างประเทศมาช่วยสื่อสารกับผู้ต้องหารายนี้แล้ว หนึ่งในนั้นคือล่ามภาษาตุรกี เบื้องต้นต้องสันนิษฐานชาติที่มีความเป็นไปได้ ใกล้เคียงก่อนเพื่อยืนยันตัวบุคคล

"ผู้ต้องหารายนี้มีส่วนเกี่ยวข้องกับเหตุระเบิดอยู่แล้ว ส่วนจะเป็นผู้ประกอบระเบิดหรือไม่นั้น ผมยังไม่ทราบ แต่เชื่อมโยงแน่ เกี่ยวข้องแน่ วันนี้ไม่ใช่การจับกุมตามหมายจับ" รองผบ.ตร.กล่าว

เมื่อถามว่าการสืบสวนขณะนี้โยงถึงการก่อการร้ายสากลหรือไม่ รองผบ.ตร. กล่าวว่า สืบสวนประเด็นเหล่านี้ด้วย ขอเวลาทำงานสักนิด อย่าเพิ่งด่วนสรุป

เมื่อถามว่าแนวโน้มเป็นระเบิดพลีชีพได้หรือไม่ พล.ต.อ.จักรทิพย์กล่าวว่า เรื่องนี้ยังไม่เคยเกิดในประเทศไทย เรากำลังดูว่าชิ้นส่วนบางชิ้นที่ได้มา จะนำไปสู่ตรงนั้นได้หรือเปล่า ถ้าเป็นระเบิดเราดูครอบคลุมทุกประเด็นทุกประเภทว่าเขาจะทำระเบิดแบบไหน ส่วนรายละเอียดว่าจะนำไปสู่การประกอบระเบิดพลีชีพหรือไม่ ต้องรอผลการตรวจสอบจากกองพิสูจน์หลักฐานก่อน อย่างไรก็ตามชิ้นส่วนระเบิดของกลางที่พบยังแยกส่วนกันอยู่ ยังไม่มีการประกอบ ทั้งนี้การพบชิ้นส่วนประกอบจำนวนมากก็พออนุมานได้ว่าของเยอะผิดปกติ อาจเตรียมก่อเหตุอีก

 

เป็นแก๊งปลอมพาสปอร์ตด้วย

รองผบ.ตร. กล่าวอีกว่า กลุ่มนี้ไม่เคยก่อเหตุในไทย ไม่เคยเกิดแรงขนาดนี้ จากการสืบสวนพบว่ายังมีเพื่อนของชายคนดังกล่าวพักห้องข้างเคียง เพียงแต่ไม่เจอตัว ตนไม่ไปจุดเกิดเหตุ จึงยังบอกไม่ได้ สำหรับผู้ต้องหาทั้ง 2 รายที่ออกหมายจับ บอกไม่ได้ว่ายังอยู่ในไทยหรือไม่ แต่ไม่พบหลักฐานเกี่ยวกับการตรวจคนเข้าเมือง ภาวนาให้เขายังอยู่ในเมืองไทย ตอนนี้ไม่ต้องบนแล้ว พอได้แล้ว

พล.ต.อ.จักรทิพย์กล่าวต่อว่า ผบ.ตร.ให้กำลังใจชุดสืบสวน รายงานผลการสืบสวนให้ทราบ ตอนนี้ห่วงเรื่องพยานหลักฐานต่างๆ ประกอบสำนวนการสืบสวน อย่างไรก็ตามหลังจากตำรวจได้สอบสวนชายที่จับได้วันนี้คาดว่าจะสามารถออกหมายผู้ต้องหาได้เพิ่มเติม ถ้าไปถึงใครเราเอาหมด รอผลการซักถามสอบปากคำชายที่จับได้วันนี้เสียก่อน ตอนนี้ยังไม่ยอมพูดอะไร จากการตรวจสอบชายคนนี้มีพาสปอร์ตอยู่กว่า 250 เล่ม เป็นปลอม 10 กว่าเล่ม ที่เหลือเป็นเล่มเปล่า พวกนี้เป็นขบวนการปลอมพาสปอร์ตอยู่แล้ว ตอนนี้ตำรวจเข้าปฏิบัติการ 6-7 จุด ตัดออกไปแล้ว 2-3 จุด ได้ข้อมูลมี ประโยชน์เรื่อยๆ

 

แฉมาจากตุรกี-โยงขนคนอุยกูร์

รายงานข่าวแจ้งว่า จากการสอบสวนชายชาวต่างชาติที่จับกุมได้ เบื้องต้นรับว่าบินมาจากเมืองอิสตันบูล ประเทศตุรกี ก่อนมาลงที่ประเทศเวียดนาม และผ่านมายังสปป.ลาว เข้าประเทศไทย จากนั้นมาอาศัยอยู่ที่ย่านหนองจอก กทม. โดยเช่าห้องพักอยู่หลายห้อง ซึ่งถือเป็นแหล่งรวมตัวของชาวตุรกี

ส่วนชายชาวต่างชาติที่ถูกจับกุม ทำหน้าที่เป็นผู้จัดหาสิ่งของอุปกรณ์ให้ทีมประกอบบึ้ม โดยเข้ามาอยู่ที่ห้องพักแห่งนี้ประมาณ 2 เดือนแล้ว เบื้องต้นบุคคลกลุ่มนี้น่าจะเกี่ยวข้องกับขบวนการขนคนอุยกูร์ด้วย เนื่องจากพบพาสปอร์ตของตุรกีจำนวนมาก ขณะที่ของกลางเป็นชิ้นส่วนระเบิดที่ตรวจยึดมาได้ ตรวจสอบพบสามารถประกอบระเบิดและก่อเหตุได้อีกหลายลูก

 

"บิ๊กตู่"ชื่นชมตร.คลี่คลายคดี

ขณะที่พล.ต.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคสช. แสดงความชื่นชมตำรวจและผู้เกี่ยวข้องกับการคลี่คลายคดีลอบวางระเบิดศาลท้าวมหาพรหม สี่แยกราชประสงค์ ที่สามารถจับกุมผู้ต้องสงสัยที่คาดว่าอาจมีส่วนเกี่ยวข้องกับเหตุวางระเบิดได้ในช่วงบ่ายวันนี้

"นายกฯชื่นชมเจ้าหน้าที่ทุกคนที่ทำงานอย่างหนักต่อเนื่องหลายวัน จนนำไปสู่ความคืบหน้าของคดีอย่างมากในวันนี้ สิ่งที่นายกฯเป็นห่วงอย่างมากคือการรายงานข่าวของสื่อมวลชน ที่เสนอบทวิเคราะห์วิพากษ์วิจารณ์จนอาจจะเกินเลยความเป็นจริง และกลายเป็นทำให้ประเทศต้องมีศัตรูหรือสร้างศัตรูจากความรู้เท่าไม่ถึงการณ์ของการรายงานข่าวนั้น รวมไปถึงการแสดงความคิดเห็นหรือการวิเคราะห์ต่างๆ ในโลกโซเซี่ยลมีเดีย ที่อาศัยการคาดเดาเป็นหลัก การวิพากษ์วิจารณ์ลักษณะนี้ไม่ก่อให้เกิดประโยชน์ อีกทั้งอาจทำให้เกิดความเข้าใจผิดได้" พล.ต.สรรเสริญกล่าวและว่า ขอให้ทุกฝ่ายติดตามผลการสอบสวนของเจ้าหน้าที่ และรับฟังการแถลงความคืบหน้าอย่างเป็นทางการจากคสช.ที่จะแถลงความคืบหน้าของคดีเป็นประจำทุกวัน เพื่อป้องกันความสับสนและคลาดเคลื่อนของข้อมูล

 

ooKbee1

corehoon NEW2

 

 

ข่าวล่าสุด!!