หมวดหมู่: อาชญากรรม

3คน



จับ'หนุ่มอุยกูร์'คาอรัญ ลายนิ้ว! ตรงในห้อง-รังบึ้ม 
มีตำหนิคางเผือก รอผลดีเอ็นเอชี้ เป็น'เสื้อเหลือง'พบกางเกง3ส่วน ระบุจบ'วิทย์เคมี' พกสูตรระเบิด เด้งตร. 2 สน.-ตม.

     จนมุมอีก 1 ร่วมทีมบึ้ม โดนรวบที่ชายแดน อรัญฯ ขณะจะเผ่นไปเขมร เป็นหนุ่มอุยกูร์ มณฑลซินเจียง ถือพาสปอร์ตจีน ตร.พบร่องรอยหนีจากห้องพักย่านหนองจอก ประสานทหารจับตัวได้ เหลืออีก 500 เมตรก็จะพ้นเขตไทย 'จักรทิพย์' รองผบ.ตร. นำชุดสืบรุดไปรับตัวเข้ากรุง'ประวุฒิ' ชี้เป็นผู้ต้องหารายสำคัญ รูปร่างหน้าตาคล้ายชายเสื้อเหลืองที่สะพายเป้ซุกระเบิดไปวางถล่มศาลพระพรหม แต่ต้องรอพิสูจน์ดีเอ็นเอ กับพยานหลักฐานที่พบ ยืนยันให้แน่ชัดอีกครั้ง ขณะที่ 'สาวพังงา' อยู่ตุรกี ยันไม่เกี่ยวข้อง ติดต่อเข้าให้การแสดงความบริสุทธิ์ ผบช.น.เด้งกราวรูด 16 ตร. 2 สน.หนองจอก-มีนบุรี ฐานบกพร่องให้เป็นแหล่งที่พัก ประกอบระเบิด 'สมยศ' ก็สั่งเด้งเอง 6 ตม.สระแก้ว เหตุ 3 อุยกูร์แหกห้องขัง


วันที่ 02 กันยายน พ.ศ. 2558 ปีที่ 25 ฉบับที่ 9044 ข่าวสดรายวัน



จับอุยกูร์ - เจ้าหน้าที่คุมตัวนายยูซุฟู มีไรลี ชาวซินเจียงอุยกูร์ ผู้ต้องสงสัยคดีระเบิด 20 ศพ เดินทางเข้ากรุงเทพฯ หลังจับกุมได้ที่บ้านป่าไร่ อ.อรัญประเทศ จ.สระแก้ว ขณะเตรียมหลบหนีไปกัมพูชา เมื่อวันที่ 1 ก.ย. ขณะที่ศาลออกหมายจับเพิ่มอีก 3 คน ตามภาพเล็กบน

 

      จากเหตุระเบิดบริเวณแยกราชประสงค์ และท่าเรือสาทร ตำรวจออกหมายจับชายต่างชาติใส่เสื้อเหลือง และชายชาวเอเชียใส่เสื้อฟ้า มือวางระเบิด ก่อนจับกุมนายอะเด็ม คาราแด็ก สัญชาติตุรกี ได้ที่อพาร์ตเมนต์ เขตหนองจอก พร้อมระเบิดจำนวนมาก อีกทั้งค้นห้องพักอพาร์ตเมนต์ เขตมีนบุรี พบอุปกรณ์ประกอบระเบิดจำนวนมากเช่นกัน แล้วออกหมายจับ น.ส.วรรณา หรือไมซาเลาะ สวนสัน อายุ 26 ปี มีภูมิลำเนาอยู่ จ.พังงา ผู้เปิดห้องพัก และหนุ่มต่างชาติ คาดว่าเป็นชาวตุรกี สามี น.ส.วรรณา โดยทั้งคู่เดินทางไปอยู่ประเทศตุรกีแล้ว ขณะเดียวกันสำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่าได้ติดต่อกับน.ส.วรรณา และปฏิเสธเกี่ยวข้องกับคดีระเบิด ตามที่เสนอข่าวไปเป็นลำดับแล้วนั้น

เซ่นคดีบึ้ม-เด้งรูด 16 ตร. 2 สน.
       ความคืบหน้าเรื่องนี้ เมื่อวันที่ 1 ก.ย. พล.ต.ต.สมประสงค์ เย็นท้วม ผบก.น.3 มี คำสั่งให้ข้าราชการตำรวจปฏิบัติราชการ และรักษาราชการแทน โดยระบุว่า ตามที่มีเหตุระเบิดมีผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บจำนวนมาก ต่อมามีการตรวจค้นอพาร์ตเมนต์ เขตมีนบุรี และเขตหนองจอก จับกุมชาวต่างชาติและพบอุปกรณ์ประกอบระเบิด ในพื้นที่รับผิดชอบของ สน.หนองจอก และ สน.มีนบุรี จึงมี คำสั่งให้ พ.ต.อ.สุศักดิ์ ปรักกมะกุล รอง ผบก.น.3 รักษาการแทนในตำแหน่ง ผกก.สน.หนองจอก อีกหน้าที่ และพ.ต.อ.วัฒนา ยี่จีน รอง ผบก.น.3 รักษาการแทนในตำแหน่ง ผกก.สน.มีนบุรี อีกหน้าที่
      พร้อมทั้งมีคำสั่งให้ พ.ต.อ.กัญชล อินทราราม ผกก.สน.มีนบุรี, พ.ต.อ.พรเทพ สูติปัญญา ผกก.สน.หนองจอก, พ.ต.ท.เด่นโดม ลาภานันต์ รอง ผกก.ป.สน.หนองจอก, พ.ต.ท.ธนาพันธ์ ผดุงการ รอง ผกก.สส.สน.มีนบุรี, พ.ต.ท.ธนาวุฒิ สงวนสุข สวป.สน.หนองจอก, พ.ต.ท.สมคิด ประเชิญสุข สว.สส.สนมีนบุรี, ร.ต.ท.ครรชิต พรมศรี รอง สว.สส.สน.มีนบุรี, ร.ต.ท.ปณตชัย ประทุมเลิศ รอง สวป.สน.มีนบุรี, ร.ต.ท.วีระพันธ์ เหล่าเมืองกลาง รอง สวป.สน.หนองจอก ร.ต.ต.ขจร เครือละม้าย รอง สว.สส.สน.หนองจอก
      ด.ต.จักรกฤษ เรืองเกศา ผบ.หมู่ สส.สน.มีนบุรี, ด.ต.อารีย์ พุ่มพวง ผบ.หมู่ สส.สน.มีนบุรี, ด.ต.สำรวล ภูผะกา ผบ.หมู่ สส.สน.มีนบุรี, ด.ต.ประพฤติ เกษศรี ผบ.หมู่ สส.สน.หนองจอก, จ.ส.ต.อำนาจ สมพงษ์ ผบ.หมู่ ป. สน.หนองจอก และส.ต.อ.อุทัย สคุณา ผบ.หมู่ จร.สน.มีนบุรี ทั้งหมดไปปฏิบัติราชการที่ศูนย์ปฏิบัติการ บก.น.3 ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไปจนกว่าจะมีคำสั่งเปลี่ยนแปลง

6 ตม.สระแก้วด้วย-พิษอุยกูร์หนี
      ที่ศูนย์การค้าเซ็นทรัลเวิลด์ พล.ต.ท.ประวุฒิ ถาวรศิริ ผู้ช่วยผบ.ตร. และโฆษกตำรวจ ร่วมประชุมกับผู้บริหารในเครือเซ็นทรัล และ ผู้บริหารห้างสรรพสินค้าชื่อดังหลายแห่ง เช่น ซีคอนสแควร์ และแฟชั่นไอส์แลนด์ เพื่อทำความเข้าใจและวางแนวทางเกี่ยวกับมาตรการรักษาความปลอดภัย โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจแนะนำวิธีการรักษาความปลอดภัย ทั้งการตรวจค้นสัมภาระ และสังเกตบุคคลที่ น่าสงสัย รวมถึงการติดตั้งและจัดเก็บข้อมูลจากกล้องวงจรปิด เพื่อใช้เป็นพยานหลักฐานหากเกิดเหตุ
     พล.ต.ท.ประวุฒิ กล่าวถึงคำสั่งย้ายเจ้าหน้าที่ ตม.สระแก้ว ทั้ง 6 นาย ว่า พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง ผบ.ตร. มีคำสั่งให้มาช่วยราชการที่ศูนย์ปฏิบัติการ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ สาเหตุอาจไม่รอบคอบในการทำงานเกี่ยวกับการเดินทางเข้าประเทศของชาวต่างชาติ
      ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับตำรวจทั้ง 6 นาย ประกอบด้วย พ.ต.อ.ไพรัช พุกเจริญ ผกก.ตม.สระแก้ว, พ.ต.ท.เบญจพล รอดสวาท รอง ผกก.ตม.สระแก้ว, พ.ต.ท.ประสิทธิ์ ทองคำ รองผกก.ตม.สระแก้ว, พ.ต.ท.เรืองเดช ธรรมนันท์ สว.ตม.สระแก้ว, พ.ต.ท.ญาณกวี ประวัติภักดี สว.ตม.สระแก้ว และพ.ต.ต.นที ทองสุกแก้ว สว.ตม.สระแก้ว โดยคาดว่าสาเหตุมาจากผู้ต้องหาชาวอุยกูร์ 3 คน ที่หลบหนีเข้าเมืองโดยผิดกฎหมาย หลบหนีออกจากสถานควบคุมตัวของ ตม.สระแก้ว และจนถึงขณะนี้ยังติดตามจับกุมกลับมาไม่ได้

ยัน'สาวพังงา'อยู่ต่างประเทศ
      โฆษกตำรวจกล่าวถึงความคืบหน้าคดีระเบิดว่า ได้รับการยืนยันแล้วว่า น.ส.วรรณา หรือไมซาเลาะ สวนสัน อายุ 26 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับข้อหาครอบครองยุทธภัณฑ์โดยไม่ได้รับอนุญาต เดินทางออกนอกประเทศไปแล้ว เมื่อถามว่าน.ส.วรรณาติดต่อขอให้ปากคำกับเจ้าหน้าที่แล้วหรือยัง พล.ต.ท.ประวุฒิ กล่าวว่า เจ้าหน้าที่กำลังติดต่ออยู่ พร้อมทั้งจะขยายผลเรื่องการขนย้ายแรงงานและค้ามนุษย์
      ผู้สื่อข่าวถามว่าผู้ชายอีกคนตามภาพสเกตช์เป็นสามีน.ส.วรรณาหรือไม่ พล.ต.ท.ประวุฒิ กล่าวว่าเบื้องต้นไม่น่าจะใช่ แต่ยืนยันได้ว่าบุคคลทั้ง 2 ที่ถูกออกหมายจับล่าสุดเกี่ยวข้องกับคดีระเบิด เนื่องจากเจ้าหน้าที่พบการติดต่อเชื่อมโยงถึงกัน ยืนยันว่าถูกกลุ่มถูกตัวแน่นอน
       พล.ต.ท.ประวุฒิ กล่าวต่อว่า ขณะเดียวกันญาติน.ส.วรรณาบอกว่าเจ้าตัวไม่อยู่ เดินทางไปต่างประเทศ อาจไปอยู่กับสามี ขณะนี้กำลังประสานให้มาพบเจ้าหน้าที่ต่อไป ทุกอย่างตอนนี้อยู่ในช่วงของการทำงานทางลับ ถ้ายังไม่นำข้อมูลมาเปิดเผยขอให้สังคมอย่าเพิ่งเชื่อ เพราะจะกระทบกับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ และเกิดความสับสนขึ้นในสังคม


ก่อนบิน - ภาพนางวรรณา หรือไมซาเลาะ สวนสัน สาวชาวไทยที่ถูกออกหมายจับคดีระเบิด จากกล้องวงจรปิดด่านตม.ท่าอากาศยานภูเก็ต บก.ตม.2 ขณะเดินทางออกนอกประเทศ เมื่อเวลา 20.07.59 น. วันที่ 1 ก.ค.ที่ผ่านมา


เฟซไทม์ต่อหน้าตร.-โต้คดีบึ้ม
      ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า จากการติดต่อสอบถามไปยังเพื่อนคนหนึ่งของน.ส.วรรณา ที่ จ.พังงา ระบุว่า น.ส.วรรณาเดินทางออกนอกประเทศไปแล้ว หลังจากเมื่อวันที่ 31 ส.ค.ที่ผ่านมา ตำรวจฝ่ายสืบสวน บช.ภาค 8 และตำรวจภูธร จ.พังงา เดินทางมาตรวจสอบบ้านพักที่ อ.คุระบุรี จ.พังงา ทำให้พ่อแม่ ญาติพี่น้อง รวมทั้งเพื่อนสนิทต่างตกใจมาก เมื่อเจ้าหน้าที่แจ้งว่าถูกออกหมายจับ แต่ทุกคนต่างเชื่อมั่นว่าน.ส.วรรณาไม่น่ามีส่วนรู้เห็นกับเหตุระเบิดที่แยกราชประสงค์
        ญาติผู้ใกล้ชิดอีกคนหนึ่งของน.ส.วรรณา เปิดเผยว่า ภายหลังตำรวจและทหารเข้าตรวจค้นบ้านพัก ได้ยึดโทรศัพท์ของทุกคนในบ้านไปทั้งหมด และหลังจากนั้นก็มีโทรศัพท์แปลกๆ จากหลายหน่วยงานโทร.เข้ามาหา และก่อนน.ส.วรรณาเดินทางไปต่างประเทศตนก็แวะมาเยี่ยมที่บ้านพัก
     "เมื่อวานหนูได้ติดต่อกับเพื่อนผ่านทาง เฟซไทม์ต่อหน้าเจ้าหน้าที่ตำรวจด้วย เพื่อสอบถามเพื่อนว่าอยู่ที่ไหน ทำให้เพื่อนตกใจมาก พร้อมทั้งปฏิเสธว่าไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับเรื่องที่เกิดขึ้น ยินดีที่จะแสดงความบริสุทธิ์ แต่มาถึงขณะนี้ไม่มั่นใจว่าเพื่อนจะตกเป็นแพะหรือไม่ หนูอยากให้ทุกคนที่เกี่ยวข้องได้มาพบกับพ่อแม่ของเพื่อน จะทราบว่าความเป็นชาวบ้านน่าสงสารขนาดไหนเมื่อลูกตกเป็นจำเลยของสังคม และถูกกล่าวหาว่าเป็นผู้ร้าย หนูห่วงว่าเพื่อนหนูจะเป็นแพะ" เพื่อนน.ส.วรรณากล่าว

แม่ให้การยันตร.-ลูกอยู่ตุรกี
     ขณะเดียวกัน จากการตรวจสอบไปยังด่านตรวจคนเข้าเมืองทราบว่า น.ส.วรรณาพร้อมด้วยสามีและลูกขึ้นเครื่องบินที่ท่าอากาศยานนานาชาติภูเก็ต เที่ยวบินอีวาย 431 สายการบินเอติฮัด ปลายทางอาบูดาบี สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ โดยแม่ของน.ส.วรรณาตอบข้อ ซักถามของเจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวน บช.ภาค 8 ว่าลูกสาวเดินทางไปประเทศตุรกี เมื่อวันที่ 17 มิ.ย.2558 และยังไม่ได้เดินทางกลับ
      ส่วนที่ บช.ภาค 8 ใหม่ อ.ถลาง จ.ภูเก็ต พล.ต.ต.วิศณุ ม่วงแพรสี รอง ผบช.ภาค 8 เป็นประธานประชุมเจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนที่ได้รับมอบหมายให้ตรวจสอบกลุ่มบุคคลที่อยู่กับน.ส.วรรณา และสามี โดยคาดว่าน่าจะใช้พื้นที่ จ.พังงา และ จ.ภูเก็ต เป็นแหล่งฝังตัว เพราะในพื้นที่ 2 จังหวัดนี้มีชาวตุรกีเดินทางมาทำธุรกิจผ่านตัวแทนคนไทยจำนวนมาก โดยเฉพาะธุรกิจท่องเที่ยวและต่อเนื่องกับการท่องเที่ยว

ศรีวราห์ ชี้เหตุเด้ง 2 โรงพัก
     ที่กองบัญชาการตำรวจนครบาล พล.ต.ท. ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล ผบช.น. กล่าวถึงกรณีย้ายตำรวจ 2 สน. โดยสืบเนื่องมาจากคดีระเบิดว่า ถ้าบกพร่องเรื่องการตรวจสอบแหล่งอพาร์ตเมนต์ที่พักก็ให้ดำเนินการทางวินัย นอกจากพื้นที่บริเวณดังกล่าวแล้ว ถ้ามีอีกก็จะคาดโทษ จึงสั่งการให้ตรวจสอบเข้มงวด 100 เปอร์เซ็นต์ ถ้าปฏิบัติไม่ได้ตามสั่งก็ลงทัณฑ์ไป ถือว่าบกพร่องอย่างร้ายแรงเรื่องความมั่นคงของชาติ โดยสั่งการเป็นลายลักษณ์อักษรเป็นหนังสือทุกพื้นที่ในเขตรับผิดชอบของบช.น.
      ผบช.น.กล่าวต่อว่า ในเมื่อกองทัพเข้มงวดก็ต้องเข้มงวดด้วย ไม่อยากจะไปลงโทษใคร เพราะเป็นเรื่องความสงบสุขของบ้านเมือง ทางกองทัพมีมาตรการอยู่ ตำรวจเป็นผู้ปฏิบัติก็ต้องรับมาปฏิบัติ ถ้าไม่ปฏิบัติก็ว่ากันไปตามระเบียบ เป็นห่วงทุกพื้นที่ที่มีชาวต่างชาติเร่ร่อน ไม่มีที่มาเป็นหลักแหล่ง ถ้ามีที่มาเป็นหลักแหล่งก็สนับสนุนให้มาเที่ยวเมืองไทย
      ผู้สื่อข่าวถามว่าจะออกหมายจับผู้ต้องหาคดีระเบิดเพิ่มเติมอีกหรือไม่ พล.ต.ท.ศรีวราห์กล่าวว่าเป็นกระบวนการทางการสอบสวน แต่มีแน่นอน เพียงแต่ไม่สามารถตอบได้

สาวพังงา ติดต่อขอเข้าให้การ
       ด้าน พ.อ.วินธัย สุวารี โฆษกคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) แถลงความคืบหน้าคดีระเบิดว่า ตั้งแต่เริ่มเกิดเหตุการณ์จนถึงปัจจุบัน ศาลอนุมัติหมายจับผู้ต้องสงสัยแล้ว 4 ราย ได้แก่ 1.ชายที่สวมเสื้อสีเหลือง อาจจะเกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ที่ราชประสงค์ 2.ชายที่สวมเสื้อฟ้า อาจเกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ที่ท่าเรือสาทร 3.ชายตามภาพสเกตช์ที่มี ผู้พบเห็นว่าเป็นผู้พักอาศัยในห้องเช่าย่านมีนบุรี ที่เจ้าหน้าที่ตรวจพบอุปกรณ์ที่ใช้ประกอบระเบิด และ 4.น.ส.วรรณา สวนสัน ผู้ทำสัญญาเปิดเช่าห้องพักในพื้นที่มีนบุรีจำนวนหลายห้อง ที่มีชายชาวต่างชาติตามภาพสเกตช์เข้ามาพักอาศัย ส่วน น.ส.วรรณา ปัจจุบันพำนักอยู่ในต่างประเทศ ติดต่อขอเข้าให้ปากคำแก่ทางเจ้าหน้าที่แล้ว
       โฆษกคสช.กล่าวว่า สำนักงานตำรวจแห่งชาติ และหน่วยงานด้านความมั่นคงที่เกี่ยวข้อง อยู่ระหว่างซักถามผู้ต้องหาที่ควบคุมตัวได้จากพื้นที่หนองจอก เมื่อวันที่ 29 ส.ค.ที่ผ่านมา ให้การเป็นประโยชน์ต่อการสืบสวนคดีอย่างมาก จนขยายผลติดตามจับกุมผู้ที่เกี่ยวข้องเพิ่มเติม จากผลการสอบพยานต่างๆ โดยเฉพาะพยานบุคคลและผลพิสูจน์ทางนิติวิทยาศาสตร์ ทำให้การทำงานของเจ้าหน้าที่เป็นไปอย่างรวดเร็วมากขึ้น

'สมยศ'มั่นใจตามจับได้หมด
      ที่กองบังคับการปราบปราม พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง ผบ.ตร. กล่าวว่าคดีระเบิดมีความคืบหน้ามาก ตามคำให้การของผู้ต้องหาที่ถูกควบคุมตัวไว้ที่ มทบ.11 ทำให้การสืบสวนขยายผลและจับกุมผู้ก่อเหตุได้ทั้งหมด โดยมอบหมายให้กองปราบฯ จัดชุดสืบสวนลงพื้นที่ประสานด่าน ตม.สระแก้ว รวมทั้งประสานไปยังกัมพูชา ส่วนผลเป็นอย่างไรนั้น ยังไม่ได้รับรายงาน รวมทั้งยังไม่สามารถระบุได้ว่าผู้ต้องหาที่จับกุมมานั้นคือชายเสื้อฟ้า ตามที่ปรากฏในกล้องวงจรปิดจุดเกิดเหตุระเบิดท่าเรือสาทร
     พล.ต.อ.สมยศ กล่าวว่า ได้รับรายงานว่า น.ส.วรรณาติดต่อขอเข้ามอบตัวแสดงความบริสุทธิ์ใจ โดยแจ้งผ่านสื่อที่ต่างประเทศ และขอให้ทางการไทยจัดส่งตั๋วเครื่องบินไปให้ เพื่อจะเดินทางเข้ามอบตัว ในเรื่องนี้มองว่า น.ส.วรรณาควรติดต่อขอเข้ามอบตัวเอง ไม่เช่นนั้นทางเจ้าหน้าที่คงต้องจัดหาตั๋วให้ผู้ต้องหารายอื่นๆ ด้วย ส่วนกรณีย้ายตำรวจ สน.หนองจอก และสน.มีนบุรี นั้น เป็นดุลพินิจของ ผบช.น. ที่เห็นว่าปล่อยปละละเลยให้คนนอกราชอาณาจักรเข้ามาอาศัยในพื้นที่จำนวนมาก ก่อให้เกิดปัญหาตามมา ส่วนคำสั่งโยกย้ายตำรวจ ตม.สระแก้ว เป็นดุลพินิจของตน ที่เห็นว่าปล่อยปละละเลยให้ต่างชาติเข้าออกประเทศโดยไม่ดูแล หรือรับประโยชน์ หากสอบสวนไม่พบว่ารับประโยชน์ หรือได้ประโยชน์ ก็จะโดนเรื่องละเลยการปฏิบัติหน้าที่

ออกหมายจับอีก 3-มีชาวตุรกี
       รายงานข่าวจากชุดสืบสวนคลี่คลายคดีระเบิดแจ้งว่า จากการตรวจสอบชื่อและนามสกุลของผู้ต้องหาที่ถูกจับกุมรายแรก ภายในห้องพักที่อพาร์ตเมนต์ เขตหนองจอก นั้น ได้ข้อมูลยืนยันแล้วคือนายอะเด็ม คาราแด็ก อายุ 28 ปี ถือสัญชาติตุรกี นอกจากนี้ เจ้าหน้าที่ยังตรวจสอบข้อมูลของนายอะเด็ม และพรรคพวกที่ร่วมกันก่อเหตุระเบิด ที่ เจ้าหน้าที่ยังไล่ล่าติดตามจับกุมตัวอยู่นั้น เป็นที่แน่นอนแล้วว่าในวันลงมือก่อเหตุ มีไม่ต่ำกว่า 3-4 คน ที่ปรากฏตัวในที่เกิดเหตุบริเวณแยกราชประสงค์ และเส้นทางไปกลับ
      รายงานข่าวแจ้งอีกว่า เจ้าหน้าที่ออกหมายจับผู้ต้องหาเพิ่มเติมอีก 3 ราย เกี่ยวข้องกับคดีระเบิดกลางกรุง ประกอบด้วย 1.นายอาฮ์ เม็ท โบซองแรน เป็นบุคคลเดียวกับที่เช่าห้องพักที่อพาร์ตเมนต์ ย่านหนองจอก 2.นายอาริ โจรัน และคนที่ 3 คือชายชาวตุรกีไม่ทราบชื่อ เป็นการออกหมายจับตามภาพสเกตช์

จนมุมชายแดนอรัญ-คนอุยกูร์
       ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ล่าสุดเจ้าหน้าที่จับกุมชายชาวต่างชาติผู้ต้องสงสัยคดีระเบิดได้อีก 1 คน โดยรวบตัวได้ที่ด่านความมั่นคงทหารและตำรวจ ที่บ้านป่าไร่ อ.อรัญประเทศ จ.สระแก้ว ขณะจะหลบหนีไปยังฝั่งประเทศกัมพูชา เจ้าหน้าที่กำลังควบคุมตัวเข้ากรุงเทพฯ จากการตรวจสอบในเบื้องต้นพบว่าผู้ต้องสงสัยถือพาสปอร์ตประเทศจีน ระบุชื่อนายยูซุฟู มีไรลี อายุ 36 ปี เกิดที่มณฑลซินเจียง ประเทศจีน คาดว่าเดินทางหลบหนีออกจากที่พักย่านหนองจอก กทม.
      พล.ต.ศรีศักดิ์ พูนประสิทธิ์ ผบ.พล.ร.2 รอ. เปิดเผยว่าได้รับรายงานจากเจ้าหน้าที่จุดตรวจความมั่นคงทหารและตำรวจ บ้านป่าไร่ ต.ป่าไร่ อ.อรัญประเทศ จ.สระแก้ว ห่างจากชายแดนไทย-กัมพูชา 500 เมตร ผู้ต้องสงสัยเป็นชาวต่างชาติ ท่าทางมีพิรุธ สะพายเป้ด้านหลัง สวมเสื้อแขนยาวสีเทา กางเกงขายาวสีครีม สวมแว่นตาดำและหมวกแก๊ป ไม่ใช้เส้นทางตามปกติ เจ้าหน้าที่จึงควบคุมตัว พร้อมทั้งประสาน พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา รองผบ.ตร. ก่อนที่ พล.ต.อ.จักรทิพย์ จะเดินทางมาสอบสวนด้วยตนเอง และนำตัวขึ้นเฮลิคอปเตอร์มาสอบสวนอย่างละเอียดที่กรุงเทพฯ ต่อไป

'บิ๊กตู่'ชี้ผู้ต้องหารายสำคัญ
       ขณะเดียวกัน ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ และหัวหน้าคสช. แถลงภายหลังประชุมครม.ว่า เจ้าหน้าที่จับกุมผู้ต้องสงสัยคดีระเบิดได้อีก 1 ราย ที่ชายแดน จ.สระแก้ว ขณะหลบหนี ถ้าสอบสวนได้ก็จะดี เพราะจะรู้ว่าเป็นใครมาจากไหนทำอะไร ใครสั่ง แต่อย่าเพิ่งไปพูดว่าเป็นเรื่องนั้นเรื่องนี้ เพราะเกรงว่าจะกระทบความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ
      "ยืนยันว่า จับตัวผู้ชายได้หนึ่งคนที่บ้านป่าไร่ จ.สระแก้ว มีลักษณะใกล้เคียง เจ้าหน้าที่จึงจับมา เพราะสั่งการให้ตั้งด่านตรวจสกัด เมื่อพบบุคคลต้องสงสัยเขาก็จับมา คงใกล้เคียงแล้วต้องเอามาพิสูจน์ลายนิ้วมือ พิสูจน์อะไรอีกมากมาย ถ้าใช่ก็คือใช่ ก็กำลังหามือวางระเบิด หาตัวคนสั่งการ คนใช้โทรศัพท์อีก ค่อยๆ ทำไปเดี๋ยวก็มาทั้งยวง หลังจากที่จับได้เมื่อวันก่อนแล้วก็ส่วนหนึ่ง วันนี้จับได้อีกคนหนึ่ง คนนี้น่าจะสำคัญหน่อย ที่จับได้ไม่ใช่คนไทย ไม่ใช่คนจีน เป็นคนต่างชาติ แต่จะเป็นคนอะไรต้องไปดูอีกครั้ง"นายกฯ กล่าว

รู้เบาะแสเมื่อคืน-ดักจับตอนเช้า
     ผู้สื่อข่าวถามว่าได้ประสานอย่างเป็นทางการไปยังประเทศตุรกีหรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่าพูดคุยไปแล้ว โดยทางสถานทูตพูดคุยมาโดยตลอด ยืนยันว่าไม่น่าจะเป็นคนของเขาทำ แต่ความน่าจะเป็นไปได้ก็สูง เหมือนอย่างบ้านเราที่ไม่สามารถคุมคนได้ทั้งหมด แต่ถ้าไม่ใช่ก็ดี เพราะไม่อยากให้มีผลกระทบมาก เพราะเมื่อเสนอข่าวแล้ว ถ้าไม่ใช่ก็จะไปกันใหญ่ แต่ถ้าใช่ก็ต้องแก้กัน อยากให้มองว่าไม่มีอะไรร้ายแรงเกินกว่าที่เราจะแก้ไขได้ หากเราช่วยกัน
     ต่อข้อถามว่าจับตัวผู้ต้องสงสัยรายล่าสุดได้เมื่อไหร่ นายกฯ กล่าวว่าจับได้เมื่อเช้าเป็นผู้ชายและกำลังนำตัวมากรุงเทพฯ เพื่อสอบสวนต่อ คาดว่ามีส่วนเกี่ยวข้อง เพราะถ้าไม่เกี่ยวก็คงไม่จับ มีหลักฐานว่ามีความเชื่อมโยงเกี่ยวข้อง ขณะนี้เจ้าหน้าที่กำลังสอบสวนอยู่ ถ้าได้ตัวคนนี้มาก็จะสอบเชื่อมโยงไปได้ทั้งหมด เพราะจะสามารถต่อจิ๊กซอว์กับคนที่จับมาได้ก่อนหน้านี้ แล้วจะได้ไปต่อได้ว่าเกิดขึ้น เพราะอะไร เป็นใครอย่างไร เจ้าหน้าที่ได้ข่าวเมื่อคืนก็ไปติดตามจับกุม และดักจับตัวเอาไว้ได้เมื่อเช้า ก่อนรายงานมาให้ทราบเมื่อช่วงเที่ยง

ให้พยานชี้ตัว-พิสูจน์ดีเอ็นเอ
      ต่อมาเวลา 17.00 น. ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ พล.ต.ท.ประวุฒิ โฆษกตำรวจ แถลงว่าเมื่อเวลา 12.00 น.ที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ทหารและตำรวจควบคุมตัวชายต้องสงสัยได้ที่บริเวณบ้านป่าไร่ อ.อรัญประเทศ จ.สระแก้ว ขณะกำลังเดินทางออกจากประเทศไทยโดยช่องทางธรรมชาติ โดยผู้ต้องสงสัยมีรูปร่างหน้าตาคล้ายบุคคลในภาพผู้ต้องสงสัย ตามหมายจับที่ถูกเผยแพร่ก่อนหน้านี้ สูงประมาณ 167-168 ซ.ม. ในช่วงเย็นที่ผ่านมา พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา รองผบ.ตร. พร้อมด้วย พล.ต.ต.ชาญเทพ เสสะเวช รองผบช.น. และพล.ต.ต.รณศิลป์ ภู่สาระ รองผบช.ก. ไปรับตัวผู้ต้องสงสัยรายที่ พล.ร.2 รอ.
      พล.ต.ท.ประวุฒิ กล่าวว่าจากการตรวจสอบพยานหลักฐานต่างๆ ยืนยันได้ว่าเป็นคนร้ายสำคัญที่อยู่ในกลุ่มเดียวกับผู้ต้องหาที่เจ้าหน้าที่จับกุมมาได้แล้ว 1 ราย และเป็นผู้ที่อยู่ในกลุ่มที่นำระเบิดไปก่อเหตุใน 2 จุดกรุงเทพฯ จากนี้เจ้าหน้าที่จะสอบสวนพร้อมกับนำพยานมาชี้ตัว อีกทั้งจะใช้ข้อมูลทางชีวภาพ คือการพิมพ์มือ ตรวจพิสูจน์ดีเอ็นเอ และภาพถ่ายต่างๆ นำมาตรวจสอบ เจ้าหน้าที่มั่นใจว่าเป็นผู้ต้องหารายสำคัญในขบวนการนี้

อยู่ในห้องที่พบบึ้ม-จุดเกิดเหตุ
      ผู้สื่อข่าวถามถึงพาสปอร์ตสัญชาติจีนที่ถูกเผยแพร่ พล.ต.ท.ประวุฒิกล่าวว่ายังไม่ยืนยัน อยู่ระหว่างการตรวจสอบ เชื่อว่าไม่น่าจะเกี่ยวข้อง ไม่ทราบว่ารูปนั้นมาได้อย่างไร แต่ทางการไม่มีพาสปอร์ตเล่มนั้น เท่าที่ตรวจสอบไม่พบแต่อย่างใด เมื่อถามว่าใช่คนที่ถูกออกหมายจับตามภาพสเกตช์ชายเสื้อเหลืองหรือไม่ โฆษกตำรวจกล่าวว่าต้องรอให้พยานมาชี้ตัวก่อน และตรวจสอบลายนิ้วมือ ดีเอ็นเอจนชัดเจนก่อน
     ต่อข้อถามว่าเป็นการจับตามหมายจับที่ออกหรือไม่ พล.ต.ท.ประวุฒิกล่าวว่าเป็นการจับกุมฐานเป็นผู้ต้องหาหลบหนีผ่านแดนโดยไม่ได้รับอนุญาต เมื่อถามย้ำว่าเป็นผู้ต้องหา 1 ใน 2 รายที่ก่อเหตุหรือไม่ พล.ต.ท.ประวุฒิกล่าวว่าเชื่อว่าอยู่ในขบวนการที่เกี่ยวข้อง ทั้งในห้องที่ไปค้นพบวัตถุระเบิด และอาจรวมถึงพื้นที่ต่างๆ ด้วย ขอให้พยานมาชี้ตัวก่อน และจะเรียนให้ทราบอีกครั้ง

คล้ายชายเสื้อเหลืองสะพายเป้
     โฆษกตำรวจกล่าวต่อว่า รูปร่างหน้าตารูปพรรณสัณฐานคล้ายกับผู้ต้องสงสัยตามภาพสเกตช์อย่างมาก เจ้าหน้าที่จึงควบคุมตัวเอาไว้สอบสวน เนื่องจากพบว่าเข้าออกเมืองโดยไม่ถูกต้องด้วย ส่วนชื่อในขณะนี้นั้นกำลังขยายผล ยังไม่ทราบว่าสัญชาติใด ขณะนี้อยู่ในการควบคุมของเจ้าหน้าที่ทหาร ตามมาตรา 44 และยังไม่ตั้งข้อกล่าวหาใดๆ อยู่ในขั้นตอนการสอบสวน จากการตรวจสอบในเบื้องต้นดูแล้วน่าจะคล้ายชายเสื้อเหลืองที่ถูกออกหมายจับตามภาพสเกตช์ เจ้าหน้าที่ตรวจค้นตัวไม่พบหลักฐานอะไรที่ชัดเจน จึงต้องสอบสวนตรวจสอบอีกครั้ง
      ต่อข้อถามว่าถ้าปรากฏว่าผู้ต้องหาสัญชาติจีนตามพาสปอร์ต ไทยต้องส่งตัวให้จีนหรือไม่ พล.ต.ท.ประวุฒิกล่าวว่ายังไม่ทราบ ต้องตรวจสอบรายละเอียดอีกครั้ง เมื่อถามว่าที่ตัวผู้ต้องสงสัยมีหลักฐานยืนยันหรือไม่ โฆษกตำรวจกล่าวว่าเท่าที่เห็นยังไม่มี ขอตรวจสอบก่อน ผู้สื่อข่าวถามอีกว่าเบื้องต้นเจ้าหน้าที่พบกางเกงคล้ายกับที่ใส่ตอนก่อเหตุหรือไม่ พล.ต.ท.ประวุฒิกล่าวว่าไม่มี ผู้ต้องสงสัยรายนี้ไม่ใช่ผู้ต้องหาตามหมายจับ 3 รายล่าสุดที่ศาลจังหวัดมีนบุรีอนุมัติแต่อย่างใด

ยืนยันเป็น'รายสำคัญ'แน่นอน
       พล.ต.ท.ประวุฒิ กล่าวอีกว่าขอให้พยานรวมถึงวัตถุพยานที่เจ้าหน้าที่มีมายืนยันก่อน แต่เบื้องต้นขอยืนยันว่าเป็นผู้ต้องหารายสำคัญอย่างแน่นอน ทุกอย่างจะถูกยืนยันด้วยพยานหลักฐานและพยานบุคคล จากนี้จะตรวจสอบเกี่ยวกับขั้นตอนการเดินทางไป จ.สระแก้ว ของบุคคลดังกล่าวด้วย การสื่อสารกับบุคคลผู้นี้ใช้ภาษาอังกฤษสอบถามรายละเอียด และต้องนำไปเปรียบเทียบกับพยานวัตถุและพยานหลักฐานในที่เกิดเหตุทุกอย่าง ทั้งชิ้นส่วนเป้ ชิ้นส่วนเสื้อผ้าที่อยู่ในห้อง และลายนิ้วมือ
       "ขอให้หลักฐานทุกอย่างยืนยันชัดเจนก่อนแล้วจะเปิดเผยข้อมูลให้ทราบ ว่าบุคคล ผู้นี้เกี่ยวข้องกับขบวนการก่อเหตุระเบิดอย่างไร เชื่อว่าเกี่ยวแน่ และน่าจะมีข่าวดีแน่นอน เพราะตอนนี้เห็นเค้าลางของขบวนการนี้แล้ว ส่วน ผู้ต้องหาตามหมายจับอีก 3 ราย ยังไม่พบว่าเดินทางออกนอกประเทศ คาดว่าอยู่ในประเทศ" โฆษกตำรวจกล่าวและว่าขณะนี้ทหารสอบปากคำอยู่ ขณะเดียวกัน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ และพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ รับทราบแล้ว ส่วน พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง ผบ.ตร. จะเรียกเจ้าหน้าที่ตม. และผู้เกี่ยวข้องมาประชุมในวันที่ 7 ก.ย. เวลา 13.00 น. เพื่อคุยมาตรการต่างๆ ในการรับมือผู้ผ่านแดนเหล่านี้อย่างเข้มงวดต่อไป

ส่อใช่ชายเสื้อเหลือง-มือวางบึ้ม
       รายงานข่าวจากชุดสืบสวนคลี่คลายคดีระเบิดแจ้งว่า ภายหลังเจ้าหน้าที่ทหารจับกุมนายยูซุฟู มีไรลี ผู้ต้องหารายสำคัญได้ที่ชายแดนไทย-กัมพูชา อ.อรัญประเทศ จ.สระแก้ว จึงประสาน พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา รองผบ.ตร. ก่อนบินรุดไปรับตัว พร้อมทั้งสั่งให้ชุดสืบสวนตรวจสอบทางวิทยาศาสตร์ โดยผลเบื้องต้นพบว่าลายนิ้วมือตรงกับลายนิ้วมือที่ปรากฏในห้องพักเลขที่ 414 พูลอนันต์อพาร์ตเมนต์ ย่านหนองจอก ซึ่งเป็นห้องที่พบวัตถุระเบิดและอุปกรณ์ประกอบจำนวนมาก จึงเป็นที่ชัดเจนว่านายยูซุฟูเกี่ยวข้องกับขบวนการประกอบระเบิดถล่มศาลท้าวมหาพรหมอย่างแน่นอน
      นอกจากนี้ ผลการตรวจค้นภายในเป้ของผู้ต้องหา เจ้าหน้าที่พบซองจดหมายสีขาว ภายในเขียนรายละเอียดเกี่ยวกับวิธีประกอบระเบิด อีกทั้งเมื่อเจ้าหน้าที่นำพยาน 2 ปากที่เคยพบเห็นผู้ต้องหามาชี้ตัวยืนยัน ปรากฏว่าพยานคนหนึ่งให้น้ำหนัก 70-80 เปอร์เซ็นต์ ว่าเหมือนกับชายเสื้อเหลืองสะพายเป้ระเบิด ที่ภาพจากกล้องวงจรปิดจับเอาไว้ได้ และเมื่อตรวจสอบกางเกงที่ใส่ก็ตรงกัน สอดคล้องกับผลตรวจสอบโทรศัพท์มือถือ ก็พบว่าอยู่ในบริเวณแยกราชประสงค์ในวันเกิดเหตุระเบิด จนถึงขณะนี้เหลือแค่ผลการตรวจดีเอ็นเอของผู้ต้องหา นำไปเทียบกับของกลางทางคดีที่พบ เพื่อยืนยันให้แน่ชัดว่าใช่ชายเสื้อเหลืองมือวางระเบิดหรือไม่ และตรวจสอบยังทราบอีกว่า ผู้ต้องหาเรียนทางด้านวิทยาศาสตร์เคมี น่าจะประกอบระเบิดด้วย และจากรูปพรรณบริเวณใต้คางของผู้ต้องสงสัย พบว่ามีรอยแผล ลักษณะผิวหนังเผือก

 

 

รวบ'อุยกูร์'คาชายแดน ตัวการบึ้ม ชี้คล้ายชายเสื้อเหลือง ใช้พาสปอร์ตจีนซินเจียง รอพยาน-ผลดีเอ็นเอมัด วรรณาช็อก-พร้อมสู้คดี เด้ง 16 ตร.มีน-หนองจอก หมายจับ'ตุรกี'เพิ่ม 3 ราย

       รวบอีก 1 ชายต่างชาติ คาด่านชายแดนไทย-กัมพูชา อ.อรัญประเทศ ชี้อาจเป็นหนุ่มเสื้อเหลืองมือบึ้มราชประสงค์ ตำรวจส่งขึ้นเฮลิคอปเตอร์เค้นสอบต่อกรุงเทพฯ ย้ำตัวการสำคัญ ศาลออกหมายจับเอี่ยวระเบิดเพิ่มอีก 3 รายชาวตุรกี 'บิ๊กอ๊อด'เผยสาวพังงาติดต่อขอมอบตัว

 

มติชนออนไลน์

รวบแล้ว - พล.ต.ศรีศักดิ์ พูนประสิทธ์ ผบ.กองพลทหารราบที่ 2 รักษาพระองค์ จับกุมตัวผู้ต้องหาคดีลอบวางระเบิดแยกราชประสงค์ โดยถือพาสปอร์ตประเทศจีน ระบุชื่อนายยูซุป มีไรลี จากมณฑลซินเจียง ประเทศจีน จาก จ.สระแก้ว นำตัวไปสอบปากคำที่ มทบ.11 เมื่อวันที่ 1 กันยายน



หมายจับอีก3 - ศาลจังหวัดมีนบุรี อนุมัติหมายจับผู้ต้องหาที่เกี่ยวข้องกับการวางระเบิดแยกราชประสงค์ และท่าเรือสาทรเพิ่มอีก 3 ราย คือ นายอาลิ โจลัน เชื้อชาติตุรกี นายอาฮ์เม็ท โบซองแลน เชื้อชาติตุรกี และชายชาวตุรกี ไม่ทราบชื่อ ในข้อหาร่วมกันมีวัตถุระเบิด


ยืนยัน - พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ แถลงข่าวภายหลังจากเสร็จสิ้นการประชุม ครม.ถึงเรื่องต่างๆ รวมทั้งยืนยันการจับกุมผู้ต้องหาลอบวางระเบิดที่แยกราชประสงค์ ที่ทำเนียบรัฐบาล เมื่อวันที่ 1 กันยายน

 

 

@ ผบ.ตร.สั่งย้าย6ตม.สระแก้ว

      เมื่อเวลา 10.30 น. วันที่ 1 กันยายน ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) เปิดเผยความคืบหน้าคดีระเบิดศาลท้าวมหาพรหม แยกราชประสงค์ และระเบิดที่ท่าเรือสาทร ที่ล่าสุดมีการควบคุมตัวชายต่างชาติต้องสงสัยพร้อมวัตถุประกอบระเบิดจำนวนมากได้ที่อพาร์ตเมนต์แห่งหนึ่งย่านหนองจอก เมื่อวันที่ 29 สิงหาคมที่ผ่านมา และมีการออกหมายจับผู้ต้องหาเพิ่มอีก 2 ราย คือ น.ส.วรรณา สวนสัน หรือนางไมซาเราะห์ อายุ 26 ปี มีภูมิลำเนา จ.พังงา และชายไม่ปรากฏสัญชาติและชื่อตามภาพสเกตช์ว่า วันนี้ได้ลงนามคำสั่งให้ตำรวจตรวจคนเข้าเมือง (ตม.) จ.สระแก้ว ด่านอรัญประเทศ มาช่วยราชการที่ศูนย์ปฏิบัติการสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ศปก.ตร.) ด้วยเหตุผลที่ปล่อยปละละเลยไม่เอาใจใส่ในการปฏิบัติหน้าที่ตามนโยบายรัฐบาล ปล่อยให้มีชาวต่างชาติ แรงงานผิดกฎหมายเล็ดลอดเข้ามาในประเทศซึ่งจะเกี่ยวข้องกับ

      ผู้ต้องหาและผู้ต้องสงสัยในคดีระเบิดหรือไม่ยังต้องสอบสวนกัน แต่ในเบื้องต้นมีข้อมูลจากการสืบสวน จากปากคำผู้ที่เกี่ยวข้อง ชัดเจนว่าเจ้าหน้าที่ ตม.ด่านอรัญประเทศ ปล่อยปละละเลยไม่เอาใจใส่ ทำให้เกิดความเสียหาย ทำให้มีการลักลอบ มีการหลบหนีของชาวต่างชาติ แรงงานที่ผิดกฎหมายเข้ามาในประเทศ จึงจำเป็นต้องให้ผู้รับผิดชอบในส่วนดังกล่าวเข้ามาช่วยราชการที่ ศปก.ตร.ในเบื้องต้น แต่หากมีข้อมูลว่ารู้เห็นเป็นใจ ช่วยเหลือ หรือมีผลประโยชน์กับขบวนการค้ามนุษย์ หรือแรงงานผิดกฎหมายก็จะต้องย้ายออกนอกพื้นที่

      "คำสั่งโยกย้ายตำรวจ ตม.สระแก้ว เป็นดุลพินิจของผมที่เห็นว่าปล่อยปละละเลยให้ต่างชาติเข้า-ออกประเทศโดยไม่ดูแล หรือรับประโยชน์ หากพบว่ามีการรับประโยชน์จะโดนเรื่องการละเลยการปฏิบัติหน้าที่ด้วย" ผบ.ตร.กล่าว 

@ 'ไมซาเราะห์'ติดต่อขอมอบตัว

      พล.ต.อ.สมยศกล่าวว่า ขณะนี้คดีมีความคืบหน้าและมีประโยชน์มากในคำให้การของนายบิลาเติร์กที่ถูกควบคุมตัวไว้ที่ พัน.ร.มทบ.11 และเชื่อว่าคำให้การดังกล่าวจะทำให้การสืบสวนขยายผลสามารถจับกุมผู้ก่อเหตุได้ทั้งหมด แต่ในส่วนรายละเอียดการให้ปากคำไม่สามารถเปิดเผยได้ ทุกอย่างอยู่ในสำนวน ทั้งนี้ ยังไม่สามารถระบุได้ว่านายบิลาเติร์กเป็นชายเสื้อฟ้าที่ปรากฏตามกล้องวงจรปิดที่สาทรหรือไม่ ส่วนข่าวที่บอกว่า น.ส.วรรณาอยู่ที่ประเทศตุรกีไม่สามารถตอบได้เพิ่งทราบจากสื่อ แต่ได้รับรายงานเพียงว่า น.ส.วรรณาติดต่อขอเข้ามอบตัวกับเจ้าหน้าที่ตำรวจเพื่อแสดงความบริสุทธิ์ แต่ยังไม่สามารถบอกได้ว่าคุมตัวได้แล้วหรือยัง ส่วนกรณีที่ น.ส.วรรณาบอกผ่านสื่อต่างประเทศว่าขอให้ทางการและเจ้าหน้าที่จัดส่งตั๋วเครื่องบินมาให้เพื่อที่จะเดินทางเข้ามอบตัว ส่วนตัวมองว่า น.ส.วรรณาควรจะติดต่อขอเข้ามอบตัวเอง ไม่เช่นนั้นทางเจ้าหน้าที่คงต้องจัดหาตั๋วให้ผู้ต้องหาทั้งหมด

       พล.ต.อ.สมยศ กล่าวว่า ในส่วนของการออกหมายจับผู้กระทำความผิดเพิ่มตอนนี้ยังคงยืนยันอยู่ที่ 4 ราย แต่พนักงานสอบสวนจะดำเนินการอย่างไร ยังไม่ทราบ ในส่วนกรณีที่มีการเผยแพร่ภาพกล้องวงจรปิดบริเวณสถานีรถไฟหัวลำโพงว่ามีชายเสื้อเชิ้ตสีขาว สะพายเป้สีดำนั้นยังไม่ได้รับรายงานในเรื่องนี้ 

       เมื่อถามว่า พบข้อมูลว่า น.ส.วรรณาได้เดินทางออกนอกประเทศเมื่อวันที่ 1 กรกฎาคมที่ผ่านมา จากสนามบินนานาชาติ จ.ภูเก็ต ไปอาบูดาบี สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์นั้น พล.ต.อ.สมยศกล่าวว่า ไม่ทราบเรื่อง ไม่อยากให้ข้อมูลกลัวจะผิดพลาด 

 

@ เด้งผกก.-สว.ตม.โยงกลุ่มอุยกูร์

       ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) พล.ต.อ.สมยศลงนามคำสั่ง ตร.ที่ 484/2558 เรื่องให้ข้าราชการตำรวจไปปฏิบัติราชการ ลงวันที่ 1 กันยายน โดยให้ พ.ต.อ.ไพรัช พุกเจริญ ผู้กำกับการด่านตรวจคนเข้าเมือง จ.สระแก้ว (ผกก.ตม.สระแก้ว) พ.ต.ท.เบญจพล รอดสวาสดิ์ รอง ผกก.ตม.สระแก้ว พ.ต.ท.ประสิทธิ์ ทองคำ รอง ผกก.ตม.สระแก้ว พ.ต.ท.เรืองเดช ธรรมนันท์ พ.ต.ท.ญาณกวี ประวัติภักดี และ พ.ต.ต.นที ทองสุขแก้ว สว.ตม.สระแก้ว ไปปฏิบัติราชการที่ศูนย์ปฏิบัติการสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ศปก.ตร.) จนกว่าจะมีคำสั่งเปลี่ยนแปลง ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ 1 กันยายนเป็นต้นไป โดยให้รายงานตัวที่ ศปก.ตร.ภายในเวลา 17.00 น. ทั้งนี้ มีรายงานว่าคำสั่งนี้สืบเนื่องจากหน่วยความมั่นคงสืบทราบว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับขบวนการลักลอบนำพาชาวอุยกูร์เข้ามาในประเทศ โยงใยกับขบวนการก่อเหตุระเบิดที่แยกราชประสงค์และท่าเรือสาทร โดย พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ได้เรียก ผบ.ตร.ไปพบและสั่งการให้ดำเนินการ โดยผู้ที่มีรายชื่อโยกย้ายครั้งนี้ส่วนใหญ่ล้วนแต่เป็นนายตำรวจคนใกล้ชิดของอดีต ผบ.ตร.ที่มีอิทธิพลมากในรัฐบาลนี้

 

@ ตร.เผยประสานทูตตุรกีแล้ว

        เวลา 09.30 น. พล.ต.ท.ประวุฒิ ถาวรศิริ ผู้ช่วย ผบ.ตร. ในฐานะโฆษก ตร. กล่าวถึงความคืบหน้าทางคดีเหตุระเบิดว่า ล่าสุดได้รับการยืนยันแล้วว่า น.ส.วรรณาผู้ต้องหาตามหมายจับ เดินทางออกนอกประเทศไปแล้ว ไม่ทราบว่าพักอยู่ที่ประเทศใด ส่วนจะออกไปตั้งแต่เมื่อใดหรือออกไปโดยเส้นทางใดนั้นไม่สามารถเปิดเผยได้ต้องตรวจสอบเพิ่มเติม อย่างไรก็ตาม น.ส.วรรณาได้ประสานมาทางเจ้าหน้าที่ตำรวจเป็นที่เรียบร้อยแล้ว และเมื่อวันที่ 31 สิงหาคม เจ้าหน้าที่ตำรวจได้มีการประสานกับทูตทางประเทศตุรกีเรียบร้อยแล้วแต่ยังไม่ได้รับการตอบกลับ 

ผู้สื่อข่าวถามว่า จะขยายผลในประเด็นการขนย้ายแรงงานหรือการค้ามนุษย์หรือไม่ โฆษก ตร.กล่าวว่า กำลังขยายผลเรื่องนี้อยู่ เมื่อถามว่า ชายอีกคนตามภาพสเกตช์เป็นสามีของ น.ส.วรรณาหรือไม่ โฆษก ตร.กล่าวว่า จากการตรวจสอบเบื้องต้นไม่น่าจะใช่ แต่ยืนยันได้ว่าบุคคลทั้ง 2 คน ที่ถูกออกหมายจับล่าสุดเกี่ยวข้องกับขบวนการดังกล่าว เนื่องจากเจ้าหน้าที่พบการติดต่อเชื่อมโยงถึงกัน ยืนยันว่าเป็นการออกหมายจับถูกกลุ่มถูกตัวแน่นอน อย่างไรก็ตาม ทางญาติของ น.ส.วรรณาบอกว่าเจ้าตัวไม่อยู่ ไปต่างประเทศ อาจไปอยู่กับสามี ตอนนี้กำลังประสานให้มาพบเจ้าหน้าที่ต่อไป 

 

@ ย้าย 16 ตร.มีนบุรี-หนองจอก 

      ขณะที่ พล.ต.ต.สมประสงค์ เย็นท้วม ผบก.น.3 เซ็นคำสั่งกองบังคับการตำรวจนครบาล 3 (บก.น.3) ที่ 129/2558 ลงวันที่ 31 สิงหาคม 2558 เรื่องให้ข้าราชการตำรวจปฏิบัติราชการและรักษาราชการแทน โดยย้ายข้าราชการตำรวจชั้นสัญญาบัตรและชั้นประทวน สน.มีนบุรี และ สน.หนองจอก รวม 16 นาย ไปปฏิบัติราชการที่ศูนย์ปฏิบัติการ (บก.น.3) ตั้งแต่วันที่ 31 สิงหาคมเป็นต้นไป หรือจนกว่าจะมีคำสั่งเปลี่ยนแปลง โดยมีรายชื่อดังนี้ 1.สน.มีนบุรี 9 นาย ได้แก่ พ.ต.อ.กัญชล อินทราราม ผกก.สน.มีนบุรี พ.ต.ท.ธนาพันธ์ ผดุงการ รอง ผกก.สส.สน.มีนบุรี พ.ต.ท.สมคิด ประเชิญสุข สว.สส.สน.มีนบุรี ร.ต.ท.ครรชิต พรมศรี รอง สว.สส.สน.มีนบุรี ร.ต.ท.ปณตชัย ประทุมเลิศ รอง สวป.สน.มีนบุรี ด.ต.จักรกฤษ เรืองเกศา ผบ.หมู่ ป.สน.มีนบุรี ด.ต.อารีย์ พุ่มพวง ผบ.หมู่ สส.สน.มีนบุรี ด.ต.สำรวล ภูผะกา ผบ.หมู่ สส.สน.มีนบุรี ส.ต.อ.อุทัย สคุณา ผบ.หมู่ จร.สน.มีนบุรี และ 2.สน.หนองจอก 7 นาย ได้แก่ พ.ต.อ.พรเทพ สูติปัญญา ผกก.สน.หนองจอก พ.ต.ท.เด่นโดม ลาภานันต์ รอง ผกก.ป.สน.หนองจอก พ.ต.ท.ธนาวุฒิ สงวนสุข สวป.สน.หนองจอก ร.ต.ท.วีระพันธ์ เหล่าเหมืองกลาง รอง สวป.สน.หนองจอก ร.ต.ต.ขจร เครือละม้าย รอง สว.สส.สน.หนองจอก ด.ต.ประพฤติ เกษศรี ผบ.หมู่ สส.สน.หนองจอก จ.ส.ต.อำนาจ สมพงษ์ ผบ.หมู่ ป.สน.หนองจอก ทั้งนี้ มีคำสั่งให้ พ.ต.อ.สุศักดิ์ ปรักกมะกุล รอง ผบก.น.3 รรท.ผกก.สน.หนองจอก พ.ต.อ.วัฒนา ยี่จีน รอง ผบก.น.3 รรท.ผกก.สน.มีนบุรี

       ผู้สื่อข่าวรายงานว่า คำสั่งระบุสาเหตุการย้ายว่า ตามที่มีเหตุระเบิดที่ราชประสงค์เมื่อวันที่ 17 สิงหาคม บช.น.และ บก.น.3 จึงได้กำหนดมาตรการในการติดตามคนร้ายที่มาก่อเหตุ โดยให้แต่ละสถานีตำรวจเข้าตรวจสอบบุคคลชาวต่างชาติตามเป้าหมาย และตรวจหาอุปกรณ์ที่ใช้ในการประกอบวัตถุระเบิดในพื้นที่ที่มีแมนชั่น อพาร์ตเมนต์ บ้านเช่า ห้องเช่า ห้องพักที่มีชาวต่างชาติพักอาศัย ต่อมาเมื่อวันที่ 29 สิงหาคม หน่วยเฉพาะกิจปฏิบัติการข่าว คสช.ได้เข้าตรวจค้นอาคารไมมูณา การ์เด้นโฮม อยู่ในความรับผิดชอบของ สน.มีนบุรี และอาคารพูลอนันต์อพาร์ตเมนต์ อยู่ในความรับผิดชอบของ สน.หนองจอก พบชาวต่างชาติพักอาศัย และพบอุปกรณ์ในการประกอบวัตถุระเบิด ซึ่งไม่ตรงกับรายงานผลการตรวจของ สน.มีนบุรี และ สน.หนองจอก ที่รายงานมาว่า ไม่พบชาวต่างชาติและอุปกรณ์การประกอบวัตถุระเบิด

 

@ ผบช.น.แจงเด้งเหตุบกพร่อง

      พล.ต.ท.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล ผบช.น. กล่าวถึงกรณีย้ายตำรวจ สน.มีนบุรี และ สน.หนองจอก ว่าการโยกย้ายนั้นสั่งการเมื่อคืนที่ผ่านมา ถ้าบกพร่องเรื่องการตรวจสอบแหล่งอพาร์ตเมนต์ที่พักก็ให้ดำเนินการทางวินัย ส่วนสาเหตุอาจเป็นเพราะมีรายงานชาวต่างชาติพักอยู่ในอพาร์ตเมนต์ในพื้นที่ 

       ผู้สื่อข่าวถามว่าจะสั่งให้เข้มงวดตรวจสอบพื้นที่มากขึ้นหรือไม่ พล.ต.ท.ศรีวราห์กล่าวว่า ไม่ใช่เข้มงวดมากขึ้น แต่สั่งการให้ตรวจสอบต้องเข้มงวด 100 เปอร์เซ็นต์ ถ้าปฏิบัติไม่ได้ตามสั่งก็ลงทัณฑ์ไป ถือว่าบกพร่องอย่างร้ายแรงเรื่องความมั่นคงของชาติ 

 

@ ศาลออกหมายจับเพิ่มอีก3คน

       รายงานข่าวแจ้งว่า ภายหลังจากตำรวจออกหมายจับ น.ส.วรรณา ผู้มาเช่าห้องพักย่านมีนบุรี และชายชาวต่างชาติที่ระบุว่าชื่อยูซุฟู ตามภาพสเกตช์ จากการตรวจค้นห้องพักพบว่ามีปุ๋ยยูเรียและดินเทา ที่สามารถนำไปใช้ในการประกอบระเบิดได้ จึงมีการแจ้งข้อหาร่วมกันมียุทธภัณฑ์ไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต ในพื้นที่สถานีตำรวจนครบาลมีนบุรี ล่าสุดศาลจังหวัดมีนบุรีอนุมัติหมายจับผู้ต้องหาที่เกี่ยวข้องกับการวางระเบิดแยกราชประสงค์และท่าเรือสาทรเพิ่มอีก 3 ราย เป็นชายเชื้อชาติตุรกี ในข้อหาร่วมกันมีวัตถุระเบิดที่นายทะเบียนไม่สามารถออกใบอนุญาตให้ได้ในครอบครองโดยผิดกฎหมาย ตามคำร้องพนักงานสอบสวน สน.หนองจอก ประกอบด้วย 1.นายอาลิ โจลัน ตามภาพสเกตช์คนร้ายที่ 0357/58 2.นายอาฮ์เม็ท โบซองแลน และ 3.ชายชาวตุรกี ไม่ทราบชื่อ ตามภาพสเกตช์คนร้ายที่ 0367/58 

 

@ วีรชนขออย่าเพิ่งโยงขนอุยกูร์

       ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.ต.วีรชน สุคนธปฏิภาค รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงข้อสังเกตในการจับกุมผู้ต้องหาชาวตุรกีอาจมีประเด็นเกี่ยวโยงกับขบวนการขนชาวอุยกูร์ ว่าจนถึงขณะนี้ตำรวจยังไม่ได้ตัดประเด็นใดออกไป ทุกสาเหตุยังเป็นส่วนหนึ่งของการพิจารณา ตอนนี้อาจจะดูเหมือนว่าภาพเริ่มคลี่คลาย แต่ต้องดูรายละเอียดหลักฐานอื่นเพิ่มเติม แม้จะมองว่าน้ำหนักดูจะเอียงไปทางใดทางหนึ่ง แต่ทางตำรวจยังมีหลักฐานอื่นเพิ่มเติมที่ยังไม่เปิดเผยสู่สาธารณชน ทั้งนี้ ยังไม่อยากให้สื่อหรือสังคมปักใจและชี้ระบุไปในทางใดทางหนึ่ง และต้องระวังในการไปพาดพิงบุคคลที่สามหรือประเทศที่สาม โดยเฉพาะประเด็นที่อาจกระทบกับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ เพราะเป็นเรื่องละเอียดอ่อน

 

@ 'สาวพังงา'ชี้แจงเอเอฟพี

       สำนักข่าวเอเอฟพีรายงานว่าได้โทรศัพท์ไปยังเบอร์มือถือของ น.ส.วรรณา สวนสัน หรือไมซาเราะห์ โดยหญิงที่รับโทรศัพท์ได้ยืนยันกับเอเอฟพีว่าปัจจุบันอาศัยอยู่ที่เมืองไคเซรี ในตอนกลางของประเทศตุรกีกับสามี และเธอไม่ได้ระบุว่ามีสัญชาติใด แต่เพิ่งกลับไปไทยครั้งล่าสุดเมื่อ 3 เดือนก่อน พร้อมกับยืนยันว่าไม่เคยไปที่อพาร์ตเมนต์ดังกล่าวมานานกว่า 1 ปีแล้ว แต่ได้เช่าอพาร์ตเมนต์เอาไว้เพื่อให้เพื่อนสามีพัก โดยที่ไม่เคยทราบเลยว่ามีใครเข้าพักที่นั่นบ้าง รู้สึกตกใจเมื่อได้ทราบว่าตนเองถูกออกหมายจับและถูกระบุว่าเป็นหนึ่งในผู้ต้องสงสัย ในครั้งแรกที่เพื่อนโทรศัพท์มาแจ้งยังนึกว่าเพื่อนพูดเล่น ทั้งยังบอกด้วยว่าได้รับการติดต่อจากตำรวจไทยแล้วเมื่อวันที่ 31 สิงหาคมที่ผ่านมา ซึ่งตำรวจบอกว่าไม่ต้องกังวล โดย น.ส.วรรณายืนยันว่ายินดีที่จะให้ความร่วมมือในการสอบสวน พร้อมกับปฏิเสธว่าไม่รู้จักกับชายในภาพสเกตช์แต่อย่างใด 

ด้านนายอิบราฮิม คมขำ ผู้ใหญ่บ้านของหมู่บ้านที่ครอบครัว น.ส.วรรณาอาศัยอยู่ ให้สัมภาษณ์นิวยอร์กไทม์ว่า ได้โทรศัพท์พูดคุยกับวรรณาเช่นกัน โดย น.ส.วรรณายืนยันว่าได้ออกจากอพาร์ตเมนต์แห่งนี้ไปตั้งแต่เดือนมิถุนายน และยินดีที่จะเดินทางกลับมาเมืองไทยเพื่อพิสูจน์ความบริสุทธิ์และพร้อมจะมอบตัวที่ไหนและเมื่อไหร่ก็ได้

       วันเดียวกัน โจนาธาน เฮด ผู้สื่อข่าวบีบีซี แสดงความเห็นว่า การสอบสวนเหตุระเบิดกำลังได้รับแรงเหวี่ยงที่เพิ่มขึ้น โดยความเคลื่อนไหวครั้งล่าสุดในคดีนี้ชี้ให้เห็นว่า ตำรวจกำลังจัดการกับกลุ่มเครือข่ายติดอาวุธที่อาจกำลังเตรียมก่อเหตุโจมตีในอนาคต อย่างไรก็ดี จนถึงขณะนี้แรงจูงใจในเหตุระเบิดครั้งร้ายแรงในประวัติศาสตร์ของไทยยังไม่แน่ชัด แม้นักวิเคราะห์หลายคนจะระบุว่าสิ่งที่เกิดขึ้นอาจเกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ส่งชนกลุ่มน้อยมุสลิมเชื้อสายอุยกูร์จากประเทศไทยไปยังประเทศจีน

 

@ ตร.แกะรอยสามี'ไมซาเราะห์'

        ที่ จ.พังงา น.ส.วัลภา (ขอสงวนนามสกุล) เพื่อนสนิท น.ส.วรรณา สวนสัน กล่าวว่า น.ส.วรรณาเดินทางมาเยี่ยมตนที่บ้านก่อนเดินทางไปต่างประเทศ และจากการติดต่อสื่อสารกับ น.ส.วรรณา เพื่อนของตนตกใจมาก และยืนยันว่าไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับเรื่องที่เกิดขึ้น พร้อมยินดีจะแสดงความบริสุทธิ์ ทั้งนี้ไม่มั่นใจว่า น.ส.วรรณาจะตกเป็นแพะหรือไม่ 

        ผู้สื่อข่าวรายงานว่า น.ส.วรรณา พร้อมสามีและบุตรได้เดินทางออกจากบ้านพักที่ อ.คุระบุรี จ.พังงา ไปขึ้นเครื่องบินที่สนามบินนานาชาติจังหวัดภูเก็ต เที่ยวบิน EY 431 สายการบินเอติฮัต ปลายทางอาบูดาบี สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ เมื่อวันที่ 1 กรกฎาคมที่ผ่านมา ขณะเดียวกันกองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 8 ใหม่กำลังแกะรอยกลุ่มสามี น.ส.วรรณา ที่อาจเกี่ยวข้องกับคดีระเบิด และเชื่อว่าน่าจะมีการใช้พื้นที่ จ.พังงา ภูเก็ต เป็นแหล่งฝังตัว

 

@ จับชายต่างชาติสงสัยมือบึ้ม

       เวลา 12.00 น. รายงานข่าวแจ้งว่าเจ้าหน้าที่สามารถจับกุมชายชาวต่างชาติผู้ต้องสงสัยก่อเหตุระเบิดได้อีก 1 ราย ที่ด่านความมั่นคงทหารและตำรวจ ที่ ต.ป่าไร่ อ.อรัญประเทศ จ.สระแก้ว ขณะเตรียมจะหลบหนีไปยังฝั่งประเทศกัมพูชา เบื้องต้นผู้ต้องสงสัยที่ถูกควบคุมตัวถือพาสปอร์ตประเทศจีน ระบุชื่อนายยูซุฟู มีไรลี จากมณฑลซินเจียง ซึ่งเป็นพื้นที่อยู่อาศัยของชาวอุยกูร์ ในประเทศจีน ภายหลังการจับกุมมีการนำเฮลิคอปเตอร์ตำรวจไปรับตัวผู้ต้องสงสัยเดินทางจากชายแดนไทยในค่ายทหารแห่งหนึ่ง อ.อรัญประเทศ นำตัวมาเข้าระบบการซักถามที่ ร.1 รอ. ถนนวิภาวดี-รังสิต กรุงเทพฯ โดยคาดว่าชายคนดังกล่าวเป็นตัวการสำคัญในการวางระเบิดศาลท้าวมหาพรหม จากการตรวจค้นในตัวและกระเป๋าสัมภาระนอกจากพบพาสปอร์ตที่พบแล้วยังเจอโทรศัพท์มือถือและเสื้อผ้าจำนวนหนึ่ง 

       รายงานข่าวระบุว่าชายคนดังกล่าวอาจมีส่วนเกี่ยวข้องกับการวางระเบิดศาลท้าวมหาพรหม เนื่องจากผลการตรวจดีเอ็นเอชายคนดังกล่าวตรงกับผลการตรวจดีเอ็นเอที่พบในห้องพัก เลขที่ 414 พูลอนันต์อพาร์ตเมนต์ รวมทั้งจากการตรวจสอบทางเทคนิคพบว่าชายคนดังกล่าวใช้โทรศัพท์มือถือติดต่อสื่อสารที่แยกราชประสงค์ ซึ่งอีมี่โทรศัพท์ในตัวผู้ถูกจับกุมตรงกับช่วงเวลาเกิดเหตุที่ราชประสงค์ และยังมีพยานยืนยันว่าใบหน้าเหมือนชายเสื้อเหลืองมือวางระเบิด ทำให้เจ้าหน้าที่ตำรวจค่อนข้างมั่นใจประมาณ 90 เปอร์เซ็นต์ว่าชายคนดังกล่าวคือชายเสื้อเหลืองมือวางระเบิดศาลท้าวมหาพรหม แต่หากไม่ใช่มือวางระเบิดอาจเป็นคนที่นำระเบิดมาส่งให้มือวางระเบิดบริเวณหัวลำโพง

ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า ยังพบกางเกงสามส่วนทรงเดียวกับที่ชายต้องสงสัยสวมใส่ในวันระเบิด แต่สีของกางเกงที่พบไม่ตรงกับสีกางเกงในวันระเบิด รวมถึงรองเท้าผ้าใบเป็นคนละสีกัน

       การสอบสวนของตำรวจยังระบุว่า มีพยานรายหนึ่งยืนยันว่าผู้ถูกจับกุมในวันนี้มีหน้าตาเหมือนกับชายที่ปรากฏตัวที่ราชประสงค์เมื่อวันที่ 17 สิงหาคม

 

@ คุมตัวเข้ากรุงเทพฯสอบสวนแล้ว

       ทั้งนี้ เหตุการณ์จับกุมตัวดังกล่าว พล.ต.ศรีศักดิ์ พูนประสิทธิ์ ผู้บัญชาการกองพลทหารราบที่ 2 รักษาพระองค์ (พล.ร.2 รอ.) ในฐานะผู้บัญชาการกองกำลังบูรพา กล่าวว่า ช่วงเวลา 11.00 น. ได้รับรายงานจากเจ้าหน้าที่กำลังจุดตรวจความมั่นคงทหารและตำรวจ พื้นที่บ้านป่าไร่ ต.ป่าไร่ อ.อรัญประเทศ จ.สระแก้ว อยู่ห่างจากชายแดนไทยไทย-กัมพูชา 500 เมตร พบผู้ต้องสงสัยดังกล่าวเป็นชาวต่างชาติ มีท่าทางมีพิรุธ พร้อมกับสะพายเป้ด้านหลัง สวมเสื้อแขนยาวสีเทา กางเกงขายาวสีครีม สวมแว่นตาดำและหมวกแก๊ป ลักษณะคล้ายแขกขาว ใช้เส้นทางที่ไม่ใช่เส้นทางตามปกติ เจ้าหน้าที่ทหารจึงได้ควบคุมตัวและสอบถามรายละเอียด แต่ชายคนดังกล่าวไม่ให้ความร่วมมือ จึงได้แจ้งให้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.อรัญประเทศ ให้เข้ามาตรวจสอบ ทั้งนี้ จากการตรวจสอบเบื้องต้นของเจ้าหน้าที่ตำรวจพบว่าชายคนดังกล่าวเข้าข่ายเป็นผู้ต้องสงสัย จากนั้นทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ประสานมาทาง พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา รอง ผบ.ตร. ก่อนที่ พล.ต.อ.จักรทิพย์จะเดินทางไปสอบสวนด้วยตนเอง ต่อมาในเวลา 14.00 น. ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้นำตัวชายคนดังกล่าวขึ้นเฮลิคอปเตอร์ของตำรวจมายัง กทม. เพื่อดำเนินการสอบสวนต่อไป 

       เมื่อถามว่า มีกระแสข่าวที่ว่าผู้ต้องสงสัยคนดังกล่าวถูกจับที่กัมพูชา และเจ้าหน้าที่ของกัมพูชาได้ส่งตัวมาให้เจ้าหน้าที่ทหารไทย พล.ต.ศรีศักดิ์กล่าวว่า เจ้าหน้าที่ทหารไทยเป็นผู้จับกุมแน่นอน ด่านดังกล่าวเป็นด่านธรรมชาติที่ตั้งเพิ่มเติมหลังเกิดเหตุระเบิด โดยการทำงานดังกล่าวเป็นการประสานงานของเจ้าหน้าที่ในการตั้งด่านและงานด้านการข่าวประกอบกัน

 

@ 'บิ๊กตู่'ยันรวบชายต้องสงสัยอีก1 

      เวลา 13.30 น. ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้า คสช. กล่าวถึงการจับกุมชายต่างชาติต้องสงสัยที่อาจเป็นชายเสื้อสีเหลืองที่ถูกออกหมายจับว่า ได้รับรายงานมาเมื่อช่วงเที่ยงว่าจับได้ที่ชายแดนไทยที่บ้านป่าไร่ ต.ป่าไร่ จ.สระแก้ว กำลังจะหนี กำลังสอบสวนอยู่และกำลังดำเนินการส่งตัวกลับมาสอบต่อที่กรุงเทพฯ ถ้าสอบสวนได้จะได้รู้ว่าเป็นใคร มาจากไหน ทำอะไร ใครสั่ง แต่อย่าเพิ่งไปพูดว่าเป็นเรื่องนั้นเรื่องนี้ เพราะเกรงว่าจะกระทบความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ และหากเป็นเรื่องจริงจะได้ขอความร่วมมือจากเขาเพื่อวันหน้าจะได้ไม่เกิดขึ้นอีก ตอนนี้หากโทษกันไปมาก็จะไม่ได้เรื่องอะไรขึ้นมา

       "ยืนยันว่า จับตัวผู้ชายได้อีกหนึ่งคนที่บ้านป่าไร่ จ.สระแก้ว มีลักษณะใกล้เคียง เจ้าหน้าที่จึงได้จับมาเพราะสั่งการให้ตั้งด่านตรวจสกัด เมื่อพบบุคคลต้องสงสัยเขาจับมา คงใกล้เคียงแล้วต้องเอามาพิสูจน์ลายนิ้วมือ พิสูจน์อะไรอีกมากมาย ถ้าใช่คือใช่ กำลังหามือวางระเบิดหาตัวคนสั่งการ คนใช้โทรศัพท์อีก ค่อยๆ ทำไปเดี๋ยวมาทั้งยวง วันนี้จับได้อีกคนหนึ่ง คนนี้เป็นคนสำคัญหน่อย ที่จับได้ไม่ใช่คนไทย ไม่ใช่คนจีน เป็นคนต่างชาติ แต่จะเป็นคนชาติอะไรต้องไปดูอีกครั้ง" นายกฯกล่าว

 

@ เผยประเทศตุรกีปฏิเสธไม่ใช่ 

      ผู้สื่อข่าวถามว่า มีการประสานงานอย่างเป็นทางการไปยังประเทศตุรกีหรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า มีการพูดคุยไปแล้ว โดยทางสถานทูตได้มีการพูดคุยมาโดยตลอด เขายืนยันว่าไม่น่าจะเป็นคนของเขาทำ แต่ความน่าจะเป็นไปได้สูงทุกอย่าง เหมือนเมืองไทยที่ไม่สามารถคุมคนได้ทั้งหมด แต่ถ้าไม่ใช่ก็ดีเพราะไม่อยากให้มีผลกระทบมาก เพราะเมื่อมีการเสนอข่าวแล้ว ถ้าไม่ใช่ก็จะไปกันใหญ่ แต่ถ้าใช่ต้องแก้กัน

      เมื่อถามถึงกรณีเรื่องการย้ายเจ้าหน้าที่ตำรวจตรวจคนเข้าเมือง (ตม.) ที่ จ.สระแก้ว พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า มีการย้ายเพื่อให้มีการสอบสวนดำเนินการฐานปล่อยปละละเลย ซึ่งหากมีหลักฐานชัดเจนก็ต้องปลดออก ได้สั่งการไปแล้วว่าถ้ามีคดีความใดในพื้นที่แล้วปล่อยปละละเลย ต้องถูกย้ายออกมาเพื่อสอบสวน หากสอบสวนแล้วไม่ผิดหรือมีความชัดเจนว่าผิดก็ต้องถูกลงโทษ แล้วก็ต้องไม่กลับไปอยู่ในพื้นที่เดิมอีก ได้สั่งการผ่านรองนายกรัฐมนตรีไปแล้ว

 

@ โฆษกตร.แถลงเป็นคนร้ายสำคัญ 

      จากนั้นเวลา 17.00 น. พล.ต.ท.ประวุฒิ ถาวรศิริ โฆษก ตร. กล่าวว่า เมื่อเวลา 12.00 น.ที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ทหารและตำรวจได้ควบคุมตัวชายต่างชาติต้องสงสัยได้บริเวณบ้านป่าไร่ อ.อรัญประเทศ จ.สระแก้ว ขณะกำลังเดินทางออกจากประเทศไทยโดยช่องทางธรรมชาติ โดยผู้ต้องสงสัยมีรูปร่างหน้าตาคล้ายบุคคลในภาพผู้ต้องสงสัยตามหมายจับที่ถูกเผยแพร่ก่อนหน้านี้ สูงประมาณ 167-168 เซนติเมตร และในช่วงเย็นที่ผ่านมา พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา รอง ผบ.ตร. พร้อมด้วย พล.ต.ต.ชาญเทพ เสสะเวช รอง ผบช.น. และ พล.ต.ต.รณศิลป์ ภู่สาระ รอง ผบช.ก. ได้เดินทางไปรับตัวผู้ต้องสงสัยรายดังกล่าวที่กองพลทหารราบที่ 2 รักษาพระองค์ (พล.ร.2 รอ.) จาก พล.ต.ศรีศักดิ์ 

พูนประสิทธิ์ ผู้บัญชาการกองพลทหารราบที่ 2 รักษาพระองค์ ทั้งนี้ จากการตรวจสอบพยานหลักฐานต่างๆ ยืนยันได้ว่าเป็นคนร้ายสำคัญที่อยู่ในกลุ่มเดียวกับผู้ต้องสงสัยที่เจ้าหน้าที่จับกุมมาได้แล้ว 1 ราย และเป็นผู้ที่อยู่ในกลุ่มที่นำระเบิดไปก่อเหตุใน 2 จุด ในเขตกรุงเทพฯที่ผ่านมา 

"จากนี้เจ้าหน้าที่จะสอบสวนพร้อมกับนำพยานมาชี้ตัวผู้ต้องสงสัย อีกทั้งจะใช้ข้อมูลทางชีวภาพคือ การพิมพ์มือ ตรวจพิสูจน์ดีเอ็นเอ และภาพถ่ายต่างๆ นำมาตรวจสอบทางนิติวิทยาศาสตร์ ขณะนี้เจ้าหน้าที่มั่นใจว่าบุคคลดังกล่าวเป็นผู้ต้องหารายสำคัญในขบวนการนี้ โดยจะแถลงรายละเอียดอีกครั้งในวันที่ 2 กันยายน" พล.ต.ท.ประวุฒิกล่าว 

 

@ ไม่ยืนยันถือพาสปอร์ตชาวจีน 

       ผู้สื่อข่าวถามถึงพาสปอร์ตสัญชาติจีนที่ถูกเผยแพร่ พล.ต.ท.ประวุฒิกล่าวว่า ยังไม่ยืนยัน อยู่ระหว่างการตรวจสอบ เชื่อว่าไม่น่าจะเกี่ยวข้อง ไม่ทราบว่ารูปนั้นมาได้อย่างไร แต่ทางการไม่มีพาสปอร์ตเล่มนั้น เท่าที่ตรวจสอบไม่พบแต่อย่างใด เมื่อถามว่าชายคนนี้คือคนที่ถูกออกหมายจับตามภาพสเกตช์ชายเสื้อเหลืองหรือไม่ โฆษก ตร.กล่าวว่า ต้องรอให้พยานมาชี้ตัวก่อน และตรวจสอบลายนิ้วมือ ดีเอ็นเอ จนชัดเจนก่อน เมื่อถามว่าเป็นผู้ต้องหา 1 ใน 2 รายที่ก่อเหตุหรือไม่ โฆษก ตร.กล่าวว่า เชื่อว่าอยู่ในขบวนการที่เกี่ยวข้อง ทั้งในห้องที่ไปค้นพบวัตถุระเบิด และอาจรวมถึงพื้นที่ต่างๆ ด้วย ขอให้พยานมาชี้ตัวก่อนและจะนำเรียนให้ทราบอีกครั้ง 

@ เชื่อมีข่าวดี-มึนรอยด่างที่คาง

       โฆษก ตร.กล่าวต่อว่า รูปร่างหน้าตารูปพรรณสัณฐานคล้ายกับผู้ต้องสงสัยตามภาพสเกตช์มาก เจ้าหน้าที่จึงได้ควบคุมตัวเอาไว้สอบสวน เนื่องจากพบว่ามีการเข้าออกเมืองโดยไม่ถูกต้องด้วย ส่วนชื่อของคนร้ายตอนนี้กำลังขยายผล ยังไม่ทราบว่ามีสัญชาติใด จะเป็นชาวตุรกีด้วยหรือไม่ ยังบอกไม่ได้ ตอนนี้อยู่ในการควบคุมของเจ้าหน้าที่ทหารตามมาตรา 44 และยังไม่มีการตั้งข้อกล่าวหาใดๆ อยู่ในขั้นตอนการสอบสวน นอกจากนี้จากการตรวจสอบในเบื้องต้น ดูแล้วน่าจะคล้ายชายเสื้อเหลืองที่ถูกออกหมายจับตามภาพสเกตช์ ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่ได้ตรวจค้นตัว แต่ไม่พบหลักฐานอะไรที่ชัดเจนจึงต้องนำตัวไปสอบสวนตรวจสอบอีกครั้ง อย่างไรก็ตามผู้ต้องสงสัยรายนี้ไม่ใช่ผู้ต้องหาตามหมายจับ 3 รายล่าสุดที่ศาลจังหวัดมีนบุรีได้อนุมัติแต่อย่างใด ตอนนี้เวลายังสั้นมาก ขอให้ทางพยานรวมถึงวัตถุพยานที่เจ้าหน้าที่มีมายืนยันก่อน และจากนี้จะได้ตรวจสอบเกี่ยวกับขั้นตอนการเดินทางไป จ.สระแก้ว ของบุคคลดังกล่าวด้วย ตอนนี้สื่อสารกับบุคคลผู้นี้อยู่โดยใช้ภาษาอังกฤษเพื่อสอบถามรายละเอียด

       "ขอให้หลักฐานทุกอย่างยืนยันชัดเจนก่อน แล้วจะเปิดเผยข้อมูลให้ทราบว่าบุคคลผู้นี้เกี่ยวข้องกับขบวนการก่อเหตุระเบิดที่ผ่านมาอย่างไร เชื่อว่าเกี่ยวแน่และน่าจะมีข่าวดีแน่นอน เพราะตอนนี้เห็นเค้าลางของขบวนการนี้แล้ว" โฆษก ตร.กล่าว และว่า ผบ.ตร.จะเรียกเจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมืองและผู้เกี่ยวข้องมาประชุมในวันที่ 7 กันยายน เพื่อคุยมาตรการต่างๆ ในการรับมือของผู้ผ่านแดนเหล่านี้อย่างเข้มงวดต่อไป

รายงานข่าวเปิดเผยว่า สำหรับรอยด่างขาวหรือผิวหนังเผือกที่คางของผู้ถูกจับกุม ยังสร้างความสับสน เนื่องจากพยานในเหตุการณ์ไม่ได้ระบุถึง แม้ว่ารอยดังกล่าวมีลักษณะสะดุดตา แต่พยานได้ยืนยันว่าน่าจะเป็นคนเดียวกับที่ปรากฏตัวที่ศาลท้าวมหาพรหม

ข่าวแจ้งด้วยว่า การตรวจดีเอ็นเอของผู้ต้องสงสัย จะทราบผลในวันที่ 2 ก.ย.นี้

      รายงานข่าวแจ้งว่า จากการสอบปากคำผู้ต้องหารายล่าสุดที่ถูกจับกุมได้ เบื้องต้นให้การว่า ช่วงเวลาใกล้เคียงเกิดเหตุระเบิดที่ศาลท้าวมหาพรหม ได้เดินทางไปแถวหัวลำโพง แต่ไม่มีส่วนรู้เห็นกับการวางระเบิด อย่างไรก็ตามเจ้าหน้าที่ตรวจสอบลายนิ้วมือผู้ต้องหารายนี้เทียบกับลายนิ้วมือที่พบในห้องพักที่เข้าตรวจค้น พบว่าลายนิ้วมือตรงกัน นอกจากนี้เจ้าหน้าที่ได้ติดต่อนางวรรณาทางไลน์ เบื้องต้นนางวรรณาให้ข้อมูลที่เป็นประโยชน์ โดยบอกว่าผู้ต้องหารายล่าสุดเคยไปพักที่อพาร์ตเมนต์ที่เปิดไว้

 

@ 'สมหวัง'พร้อมจ่ายนำจับ 2 ล.

     นายสมหวัง อัสราษี แกนนำ นปช. กล่าวว่า หากตรวจสอบแล้วพบว่าผู้ต้องสงสัยที่เจ้าหน้าที่จับได้นั้นเป็นผู้ต้องหาในคดีวางระเบิดบริเวณศาลท้าวมหาพรหมจริง พร้อมให้เงินรางวัลนำจับที่ได้ประกาศไว้จำนวน 2 ล้านบาททันทีเพราะได้ประกาศไปแล้ว และรู้สึกยินดีหากเจ้าหน้าที่สามารถดำเนินการจับคนร้ายมาลงโทษได้

      ที่ จ.สระแก้ว ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เจ้าหน้าที่กัมพูชาได้ส่งตัวชายถือพาสปอร์ตจีนให้เจ้าหน้าที่ไทยที่จุดผ่านแดนถาวรบ้านคลองลึก ด่านปอยเปต อรัญประเทศ หลังจากจับกุมชายต้องสงสัยถือพาสปอร์ตจีน แต่ใบหน้าไม่คล้ายชาวจีน พบมีพิรุธ จึงนำส่งตัวให้เจ้าหน้าที่ฝ่ายไทยที่หน้าด่านตรวจคนเข้าเมืองกลางสะพานมิตรภาพกัมพูชา-ไทย บ้านคลองลึก อ.อรัญประเทศ

      เจ้าหน้าที่กัมพูชาคนหนึ่งกล่าวว่า ชายดังกล่าวถือพาสปอร์ตจีน แต่สังเกตว่าชายดังกล่าวไม่ใช่คนจีน จึงควบคุมตัวสอบสวนและพบว่าถือพาสปอร์ตปลอม อาจเป็นชาวตุรกี จึงประสานมายังเจ้าหน้าที่ไทยให้มารับตัว

ooKbee1

corehoon NEW2

 

 

ข่าวล่าสุด!!