หมวดหมู่: อาชญากรรม

27ป


อนุมัติ-หมาย ล่าตัว'อิซาน' มาเลย์จับคนช่วย พาเสื้อเหลืองหนี

         ประวุฒิเผยศาลอนุมัติหมายจับอิซาน ผู้ต้องหาคดีบึ้มกรุงรายที่ 12 แล้วแต่ไม่เชื่อเป็นตัวการใหญ่ เพียงแต่ร่วมขบวนการและพักที่เดียวกับยูซุฟู เตรียมเค้นสอบหาคนสั่งการต่อไป ปฏิเสธข่าวบิ๊กแป๊ะบินไปมาเลย์ รับตัวมือบึ้มเสื้อเหลือง ยันยังไม่ได้ตัว ขณะที่การข่าวระบุมาเลย์จับตัวชายปากีสถานที่ช่วยเสื้อเหลืองและเสื้อฟ้าหนีเข้ามาเลย์ อยู่ระหว่างทางการไทยประสานขอตัวสอบ ด้านเจ้าหน้าที่บุกค้นอพาร์ตเมนต์อีกจุดย่านอ่อนนุช หลังพบเจ้าของห้องชาวปากีสถาน เคยทำธุรกรรมทางการเงินกับสามีนางวรรณา โอนเงินให้ร่วม 3 แสนบาท เชื่ออยู่ร่วมทีมบึ้มด้วย

วันที่ 13 กันยายน พ.ศ. 2558 ปีที่ 25 ฉบับที่ 9055 ข่าวสดรายวัน

คนที่ 12 - พล.ต.ท.ประวุฒิ ถาวรศิริ โฆษกตำรวจ แถลงความคืบหน้าคดีระเบิดกรุง ล่าสุดศาลจังหวัดมีนบุรีออกหมายจับ ผู้ต้องหาคนที่ 12 นายอาบูดูซาตาเออร์ ดาบูดูเรห์มาน หรืออิซาน อายุ 27 ปี เชื้อชาติ อุยกูร์ สัญชาติจีน เมื่อวันที่ 12 ก.ย

ศาลอนุมัติจับ'อิซาน'แล้ว

     จากกรณีเหตุระเบิดกลางกรุงจนมีผู้เสียชีวิต 20 ศพ ซึ่งเจ้าหน้าที่ติดตามจับกุมผู้ร่วมก่อเหตุได้ 2 คน ประกอบด้วยนายอะเด็ม คาราแด็ก และนายมีไรลี ยูซุฟู ชาวจีน ซินเจียง และให้การซัดทอดถึงผู้บงการชื่อ "อิซาน" ซึ่งหลบหนีไปต่างประเทศแล้ว ขณะที่ชายเสื้อเหลืองที่ซุกระเบิดที่ศาล พระพรหม มีรายงานข่าวว่าเดินทางหลบหนีไปยังประเทศมาเลเซีย อยู่ระหว่างที่ เจ้าหน้าที่กำลังเร่งติดตามตัว

      ความคืบหน้าล่าสุด เมื่อวันที่ 12 ก.ย. พล.ต.ท.ประวุฒิ ถาวรศิริ ผู้ช่วยผบ.ตร. และโฆษกตร. ปฏิเสธกระแสข่าวกรณีพล.ต.อ. จักรทิพย์ ชัยจินดา รองผบ.ตร.เดินทางไปประเทศมาเลเซียเพื่อควบคุมตัวชายเสื้อเหลืองและเสื้อฟ้า ผู้ต้องหาตามหมายจับ ก่อเหตุลอบวางระเบิดสี่แยกราชประสงค์และท่าเรือสาทร ว่า ทางเจ้าหน้าที่ได้ประสานไปยังประเทศต่างๆ เพื่อขอข้อมูลและติดตามตัวแล้ว รวมถึงจากที่มีกระแสข่าวว่า นายอาบูดูซาตาร์ อาบูดูเราะห์มาน หรืออิซาน หลบหนีไปยังประเทศจีนนั้น จากการตรวจสอบก็ไม่เป็นความจริง ส่วนการออกหมายจับก็กำลังอยู่ในการพิจารณารวบรวมหลักฐาน ซึ่งทางเจ้าหน้าที่ตำรวจก็ยังไม่ได้ยื่นขอไปทางศาลแต่อย่างใด

     ต่อมาเวลา 17.00 น. ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) พล.ต.ท.ประวุฒิแถลงความคืบหน้าคดีบึ้มว่า ศาลจังหวัดมีนบุรีออกหมายจับนายอาบูดูซาตาร์ ดาบูดูเราะห์มาน หรือ อิซาน อายุ 27 ปี เชื้อชาติอุยกูร์สัญชาติจีน ตามที่ปรากฏหลักฐานเบื้องต้นจากหนังสือเดินทาง ผู้ต้องหาที่ถูกออกหมายจับคนที่ 12 ในข้อหาร่วมกันมียุทธภัณฑ์ไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต ตามที่พนักงานสอบสวนสน.มีนบุรีเสนอ โดยพยานหลักฐานเป็นภาพวงจรปิดจากธนาคารกรุงเทพ ย่านหัวหมาก รวมทั้งภาพวงจรปิดจากอพาร์ตเมนต์ไมมูณา การ์เด้นโฮม และพยานบุคคลชี้ภาพถ่ายยืนยันตัวนายอิซาน และยืนยันมีส่วนเกี่ยวข้องกับห้องพักเลขที่ 414 พูลอนันต์ อพาร์ตเมนต์ หากมีการสอบสวนและได้หลักฐานเพิ่มเติมอาจจะมีการแจ้งข้อหาอื่นเพิ่มเติม

      พล.ต.ท.ประวุฒิ กล่าวอีกว่า ทั้งนี้ จากการสืบสวนเชื่อว่านายอิซานไม่ใช่ผู้บงการ หรือผู้วางแผนระดับสูงในการก่อเหตุระเบิดราชประสงค์ เป็นแค่ 1 ในขบวนการที่พักอยู่ด้วยกันกับนายมีไรลี ทั้งนี้ เราไม่เชื่อว่าเป็นผู้บงการเพราะมีหลักฐานอื่นอีก แต่จะต้องตรวจสอบข้อมูลจากทางการจีนอีกครั้ง ส่วนการติดตามตัวนายอิซานนั้น เจ้าหน้าที่ได้ประสานกับทางตำรวจสากลและประเทศที่คาดว่านายอิซานจะหลบซ่อนตัวอยู่ เพื่อขอความช่วยเหลือติดตามตัวต่อไป อีกทั้งขณะนี้ตำรวจได้ประสานข้อมูลกับตำรวจสากลกว่า 190 ประเทศทั่วโลก เพื่อติดตามตัวผู้ต้องหาในขบวนการดังกล่าวเช่นกัน

ยังไม่มีจับชายเสื้อเหลือง

      พล.ต.ท.ประวุฒิกล่าวอีกว่า ส่วนน.ส. วรรณา ยังไม่สามารถติดต่อได้ ยืนยันเป็นเบอร์โทรศัพท์มือถือลงทะเบียนในประเทศตุรกี แต่ก็สามารถนำไปใช้ในประเทศไหนก็ได้ ยืนยันว่าเป็นหนึ่งในขบวนการอาจเป็นการลักลอบนำคนเข้าเมืองผิดกฎหมายคาดว่านายมีไรลี ยูซุฟู ผู้ต้องหาที่ถูกจับกุมได้ที่ จ.สระแก้ว ยังปกปิดข้อมูลผู้บงการตัวจริงไว้ รับเพียงแค่ที่เจ้าหน้าที่ตำรวจมีหลักฐานเท่านั้น จากนี้จะมีการติดตามตัวนาย อิซานผ่านทางเจ้าหน้าที่ตำรวจสากล ทั้งนี้ได้ข้อมูลเพิ่มเติมจากทูตบังกลาเทศอีกว่าสถานที่สุดท้ายที่นายอิซานไป หลังจากออกไปจากประเทศบังกลาเทศ ขณะนี้อยู่ระหว่างการตรวจสอบความชัดเจนอีกครั้งหนึ่ง ขณะนี้ยังไม่มีการยืนยันปลายทางที่นายอิซานอยู่ แต่ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจก็มีการส่งข้อมูลไปทางช่องทางตำรวจสากลเพื่อให้ช่วยจับตาดู และหากรู้ปลายทางว่าอยู่ประเทศใดก็จะส่งข้อมูลเพิ่มเติมไปอีกครั้งหนึ่ง คาดว่าจะมีความชัดเจนในวันที่ 14 ก.ย.

     พล.ต.ท.ประวุฒิ กล่าวว่า ส่วนการย้าย ผู้ต้องหาไปกองพันทหารราบมณฑลทหารบกที่ 11 (มทบ. 11) อยู่ในขั้นตอน ยังไม่มีการประสานมา ทั้งนี้คงย้ายเพื่อความปลอดภัยยังไม่ยืนยันว่าจะย้ายเมื่อไร ขณะนี้ อาจจะมีการออกหมายจับอีกในสัปดาห์หน้า ส่วนจะกี่คนหรือมีใครบ้างและเป็นระดับไหนยังไม่สามารถเปิดเผยได้ ส่วนแผนผังที่ ปปง.เปิดเผยเมื่อวันที่ 11 ก.ย. ที่ผ่านมา จากข้อมูลของตร.พบว่า มีความเชื่อมโยงอย่างไรบ้างนั้น ก็มีความเชื่อมโยงกัน ทั้งนี้ต้องนำมาตรวจสอบอีกครั้งว่าเชื่อมโยงอย่างไรบ้าง ส่วนการโยงใยของขบวนการนี้พบว่ามีการเข้าออกทุกภาคและได้มีการส่งเจ้าหน้าที่สืบสวนไปฝังตัวในพื้นที่แล้ว ขณะนี้ยังมีการสอบสวนผู้ต้องหาอย่างต่อเนื่อง

      พล.ต.ท.ประวุฒิ กล่าวถึงกระแสข่าวการจับกุมชายเสื้อเหลืองมือวางระเบิดที่ศาล พระพรหมได้ที่ประเทศมาเลเซียว่า สำหรับกระแสข่าวดังกล่าวขออย่าเพิ่งไปเชื่อ ทุกอย่างขอให้ตนเป็นผู้แถลงข้อมูลข่าวสารต่อสื่อมวลชนเพื่อความเข้าใจที่ชัดเจน โดยยืนยันว่า พล.ต.อ.จักรทิพย์ไม่ได้เดินทางไปประเทศมาเลเซีย และไม่เกี่ยวข้องกับการไปรับตัวผู้ต้องหามือวางระเบิดแต่อย่างใด ข่าวที่ออกมานั้นไม่จริงแน่นอน ไม่มีอะไรที่เป็นความจริงเลย เรื่องนี้ทำให้เจ้าหน้าที่เสียเวลาต้องมานั่งแก้ข่าวแบบนี้ ยืนยันว่าตำรวจทำงานอย่างเต็มที่และคดีมีความคืบหน้าไปเรื่อยๆ ตอนนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจได้วางกำลังติดตามความเคลื่อนไหวและการเดินทางออกนอกประเทศของผู้ต้องหาในขบวนการนี้ ทั้งภาคเหนือ ใต้ ตะวันออก ตะวันตก ตรวจสอบทั้งสนามบินเล็กสนามบินใหญ่ เพื่อติดตามความเคลื่อนไหวของ ผู้ต้องหาและผู้ร่วมขบวนการนี้อย่างเต็มที่

แจงบิ๊กแป๊ะไปตปท.เรื่องส่วนตัว

      รายงานข่าวจากหน่วยงานความมั่นคง ว่าจากการนำเสนอของสื่อหลายสำนักแจ้งว่า พล.ต.อ.จักรทิพย์เดินทางไปประเทศมาเลเซียเพื่อเจรจาประสานขอตัวชายเสื้อเหลืองและชายเสื้อฟ้า 2 ผู้ต้องหาตามหมายจับก่อเหตุระเบิดราชประสงค์และสาทรนั้น จากการตรวจสอบข้อมูลดังกล่าวจากแหล่งข่าวระดับสูง ว่าพล.ต.อ.จักรทิพย์ลาราชการไปต่างประเทศ 2 วัน และไม่ได้เดินทางไปมาเลเซียเพื่อรับตัว 2 ผู้ต้องหาแต่อย่างใด แต่ได้ลากิจเดินทางไปต่างประเทศในภารกิจส่วนตัว ซึ่งจะเดินทางกลับกรุงเทพฯ วันอาทิตย์ที่ 13 ก.ย.นี้

      สำหรับ กระแสข่าวที่สื่อหลายสำนัก นำเสนอว่าตำรวจมาเลเซียรวบตัวชายเสื้อเหลืองและเสื้อฟ้า ผู้ก่อเหตุทั้ง 2 จุดนั้น ก็ไม่เป็นความจริงแต่อย่างใด แต่ได้มีรายงานว่าตำรวจมาเลเซียจับตัวชายที่ต้องสงสัยชาวปากีสถานรายหนึ่งที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการพาชายเสื้อเหลืองและชายเสื้อฟ้า หลบหนีภายหลังได้ก่อเหตุ หลบหนีกบดานในสถานที่แห่งหนึ่งในกรุงกัวลาลัมเปอร์ ในข้อหาเข้าเมืองผิดกฎหมาย ซึ่งทางตำรวจมาเลเซียได้ให้ความร่วมมือแจ้งประสานให้ตำรวจไทยทราบถึงกรณีดังกล่าวแล้ว โดยทางทีมสืบสวนคดีนี้กำลังอยู่ระหว่างการร้องขอเพื่อเข้าไปขอสอบสวนในรายละเอียดเส้นทางการหลบหนีผู้ต้องหาตามหมายจับที่ก่อเหตุทั้ง 2 ราย ส่วนจะมีการส่งตัวชายปากีสถานให้ตำรวจไทยหรือนั้น อยู่ระหว่างการประสานของพล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง ผบ.ตร. กับผบ.ตร.ตำรวจมาเลเซีย หากได้ข้อมูลรายละเอียดจากชายปากีสถานรายนี้ก็จะสามารถขยายผลที่จะสามารถจับกุมชายเสื้อเหลืองและชายเสื้อฟ้าที่พบว่ามีการเคลื่อนไหวอยู่ในเขตชายแดนไทย-มาเลเซียได้ต่อไป

ราชทัณฑ์เร่งปรับปรุงเรือนจำ

      ขณะที่นายวิทยา สุริยะวงค์ อธิบดีกรมราชทัณฑ์ กล่าวถึงการดำเนินการภายหลัง ราชกิจจานุเบกษา เผยแพร่คําสั่งกระทรวงยุติธรรม ที่ 314/2558 เรื่อง กําหนดอาณาเขตเรือนจําชั่วคราวแขวงถนนนครไชยศรี ภายในมณฑลทหารบกที่ 11 (พัน.ร. มทบ.11) เพื่อใช้เป็นที่คุมขังผู้ต้องหาในคดีระเบิดบริเวณราชประสงค์ ว่าส่งเจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์ไปตรวจดูพื้นที่ที่จะใช้ในการจัดตั้งเป็นเรือนจำชั่วคราว พบว่าพื้นที่ดังกล่าวยังต้องมีการปรับปรุงเพิ่มเติม เพื่อให้สามารถรองรับการควบคุมตัวผู้ต้องขังทั้ง 2 คน ผู้ต้องขังในคดีระเบิดราชประสงค์ อย่างไรก็ตาม หลังจากนี้ ผู้บัญชาการเรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ จะเป็นผู้รับผิดชอบเรื่องดังกล่าว ในฐานะต้นสังกัดของเรือนจำ ชั่วคราวฯ โดยจะมีคำสั่งแต่งตั้งเจ้าหน้าที่ทหารเป็นผู้คุมพิเศษเพื่อให้ทหารมีอำนาจหน้าที่ตามพ.ร.บ.ราชทัณฑ์ ในการทำหน้าที่รักษาสถานที่และดูแลความปลอดภัยภายในบริเวณเรือนจำชั่วคราว

      นายอายุตม์ สินธพพันธุ์ ผบ.เรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ กล่าวว่า สำหรับขั้นตอนการดำเนินการนั้น ตนจะมีคำสั่งแต่งตั้งให้ เจ้าหน้าที่ทหารเป็นผู้ควบคุมพิเศษประมาณ 20 นาย และส่งเจ้าหน้าที่เรือนจำไปประจำที่ พัน.ร.มทบ.11 อีกจำนวน 4 นาย ตามพ.ร.บ. ราชทัณฑ์ เพื่อให้ทำงานร่วมกันในการควบคุมและดูแลผู้ต้องขังที่จะถูกส่งไปคุมขังยังเรือนจำชั่วคราวฯดังกล่าว ทั้งนี้ ทางเจ้าหน้าที่เรือนจำจะต้องมีการแนะนำขั้นตอนและระเบียบในการปฏิบัติแก่ผู้ต้องขังให้เจ้าหน้าที่ทหารทราบด้วย ทั้งนี้ การควบคุมตัวผู้ต้องขังทั้ง 2 คนยังเรือนจำ ชั่วคราวฯ ผู้ต้องขังทั้ง 2 คนจะต้องถูกแยกคุมขัง ไม่ให้อยู่ด้วยกัน อย่างไรก็ตาม ยังไม่สามารถระบุได้ว่าจะนำตัวผู้ต้องขังไปควบคุมยังเรือนจำชั่วคราวได้เมื่อไร นอกจากนี้ สำหรับการประกอบอาหารให้ ผู้ต้องขังถือเป็นอีกเรื่องที่สำคัญ ซึ่งขณะนี้ยังอยู่ระหว่างการหารือกับกรมราชทัณฑ์อยู่

เผยขอตัว 2 ผู้ต้องหาแล้ว

       ผู้สื่อข่าวถามว่า หลังจากนี้ หากมี ผู้ต้องหาในคดีเดียวกันถูกตำรวจจับกุมเพิ่มเติมจะต้องถูกนำตัวมาคุมขังยังเรือนจำชั่วคราวแขวงถนนนครไชยศรีด้วยหรือไม่ นายอายุตม์กล่าวว่ายังไม่สามารถตอบได้ ขึ้นอยู่กับคำสั่งของศาลว่าจะให้นำตัว ผู้ต้องหาไปควบคุมตัวยังเรือนจำใด

      ขณะที่นายไพฑูรย์ อำพันธ์ ผบ.เรือนจำพิเศษมีนบุรี กล่าวว่าเรือนจำพิเศษมีนบุรีนั้น ขณะนี้อยู่ระหว่างการดำเนินการทำหนังสือถึงศาล เพื่อขอเคลื่อนย้ายผู้ต้องขังทั้ง 2 คนไปควบคุมตัวยังเรือนจำชั่วคราว ทั้งนี้ ผู้ต้องขังทั้งนายอะเด็ม และนายมีไรลี สามารถปรับตัวการใช้ชีวิตภายในเรือนจำได้แล้ว ไม่เครียดหรือกังวล อีกทั้งยังสามารถรับประทานอาหารที่ทางเรือนจำจัดเตรียมไว้ให้ได้ปกติ ซึ่งอาหารที่เรือนจำเตรียมให้ เป็นอาหารมุสลิมที่มีตราฮาลาล อย่างไรก็ตาม นายมีไรลีหลังจากถูกควบคุมตัวอยู่ภายในเรือนจำนั้น ขณะนี้ยังมีอาการอ่อนเพลียอยู่บ้าง และมีสายตาเย็นชาต่อผู้ต้องขังคนอื่นๆ

บุกค้นอีกจุด-ล่าหนุ่มปากีฯ

    รายงานข่าวแจ้งว่า เมื่อช่วงกลางดึกของ วันที่ 11 ก.ย. ที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนและเจ้าหน้าที่ทหารเข้าตรวจค้นห้องเลขที่ 501 บนชั้น 5 ของจุฑาแมนชั่น ใกล้กับจุฑาสปอร์ตคลับ ระหว่างซอยอ่อนนุช 44 และซอยอ่อนนุช 46 ริมถนนสุขุมวิท 77 แขวงและเขตสวนหลวง กทม. หลังจากสืบทราบว่ามีผู้ต้องสงสัยทำธุรกรรมทางการเงินเกี่ยวโยงกับคดีระเบิดท้าวมหาพรหม-ท่าเรือสาทร มาพักอาศัยภายในอพาร์ตเมนต์แห่งนี้

     ที่เกิดเหตุเป็นอพาร์ตเมนต์แบ่งให้เช่าพัก สูง 5 ชั้น บริเวณชั้น 5 ห้อง 501 สืบสวนทราบชื่อผู้เช่าพัก คือ นายอับดุล ทาวับ ชาวปากีสถาน อายุประมาณ 40 ปี อาศัยอยู่กับเพื่อนอีก 2 คน เมื่อตรวจสอบภายในห้องพักดังกล่าว พบกางเกงใน ก้นบุหรี่ ซองบุหรี่ มีดโกนหนวด แปรงสีฟัน ขวดเหล้า ขวดน้ำ เป้สะพายหลัง 1 ใบ เจ้าหน้าที่จึงรวบรวมไว้เป็นหลักฐาน ก่อนนำไปตรวจสอบอีกครั้ง ทั้งนี้ จากการสอบถามเจ้าของหอพัก ดังกล่าว ให้การว่านายอับดุลได้จ่ายค่าเช่าเดือน ก.ย. แล้ว และเก็บข้าวของออกจากอพาร์ตเมนต์ไปเมื่อวันที่ 5 ก.ย. สอดคล้องกับทางเจ้าหน้าที่ได้ตรวจสอบภาพจาก กล้องวงจรปิดของตัวอาคารพบว่านายอับดุล ได้ขับรถยนต์ปิกอัพ ยี่ห้อเชฟโรเลต สีดำ ไม่ทราบหมายเลขทะเบียนรถ ขับออกจากตัวอาคารไปในวันดังกล่าว

      รายงานข่าวแจ้งอีกว่านายอับดุลทำธุรกรรมทางการเงิน โดยการโอนเงินเข้าบัญชีนายเอ็มระห์ ดาวูโตกลู สามีของ น.ส.วรรณา สวนสัน 2 ครั้ง เมื่อวันที่ 17 ก.พ. จำนวน 156,106.10 บาท และวันที่ 17 มี.ค. อีกจำนวน 157,646.08 บาท ทั้งนี้นายอับดุลรู้จักกับนายเอ็มระห์ โดยเคยพบปะกันตามมัสยิด มีการหยิบยืมเงิน แล้วเคยโอนเงินให้กันหลายครั้ง ทำให้มีความสนิทสนมกัน อย่างไรก็ตามทางเจ้าหน้าที่สันนิษฐานว่าตัวอับดุลมีส่วนเกี่ยวโยงกับการจ้างวานขบวนการวางระเบิดครั้งนี้ เนื่องจากพบข้อมูลเงินจำนวนนี้ได้นำมาใช้ซื้อเคมีภัณฑ์ และอุปกรณ์ เพื่อนำไปใช้ในการประกอบระเบิด เบื้องต้นทางพนักงานสอบสวนอยู่ระหว่างรวบรวมพยานหลักฐานหาความเชื่อมโยง เพื่อขออนุมัติหมายจับนายอับดุล พร้อมพวกมาดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

 

 

สื่อตุรกี ชี้กระบวนการสืบสวน 'คดีระเบิดศาลพระพรหม'จีนอยู่วงใน ตุรกี ถูกเพิกเฉย

 

 

 

http://www.matichon.co.th/online/2015/09/14420421751442043135l.jpg

      มติชนออนไลน์ : Anadolu Agency สื่อตุรกีอ้าง การสอบสวนคดีวางระเบิดศาลพระพรหมเอราวัณในกรุงเทพฯ เมื่อวันที่ 17 สิงหาคมที่ผ่านมา ทีมสอบสวนของไทยได้ทำงานใกล้ชิดอย่างมากกับทางการจีน ขณะที่ตุรกีกลับถูกเพิกเฉยมาโดยตลอด และการรัฐประหารของไทยยังทำให้กระบวนการทางการทูตของไทยผิดไปจากแนวปฏิบัติตามปกติ

      สื่อตุรกีกล่าวว่านับถึงวันศุกร์ที่ผ่านมา (11กันยายน) ทางการไทยได้ออกหมายจับผู้ต้องสงสัย 13 ราย ประกอบด้วยบุคคลสัญชาติจีน ไทย และตุรกี ซึ่งเจ้าหน้าที่ตุรกีในกรุงอังการายืนยันว่าไทยยังไม่แจ้งการออกหมายจับบุคคลชาวตุรกีแก่ทางการตุรกีแต่อย่างใด แม้ว่าตุรกีจะยื่นเรื่องไปยังสอบถามทางการไทยแล้วก็ตาม ทำให้ตุรกีต้องขอความช่วยเหลือไปยังองค์การตำรวจสากลเพื่อที่จะเชื่อมต่อไปถึงทางการไทย

 

ในทางกลับกัน เจ้าหน้าที่ทูตระดับสูงในประเทศไทยได้กล่าวกับสื่อตุรกีรายนี้ว่า ทันทีหลังเกิดเหตุจีนได้เสนอให้ความช่วยเหลือทางเทคนิคแก่ตำรวจไทย และการที่ไทยสามารถจับกุมผู้ต้องสงสัยรายแรกได้จากการตรวจสอบการใช้โทรศัพท์ก็มาจากความช่วยเหลือของจีนเป็นสำคัญ

 

แหล่งข่าวทางการทูตรายนี้ได้กล่าวถึงบทบาทของโซเชียลเน็ตเวิร์กของจีนต่อแนวทางการสอบสวน โดยอ้างว่าหลังเกิดเหตุได้ไม่นาน สื่อสังคมออนไลน์ของจีนก็เต็มไปด้วยข้อกล่าวหาว่าเป็นฝีมือของผู้ก่อการร้ายชาวอุยกูร์ และไทยก็ตั้งข้อสันนิษฐานเช่นเดียวกันมาตั้งแต่ต้น แต่มิได้ประกาศต่อสาธารณะเนื่องจากเกรงว่าจะกระทบต่อประเทศอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง

 

      สื่อตุร กียังได้อ้างถึงรายงานข่าวของ The Global Times สื่อที่ดำเนินการภายใต้การควบคุมของรัฐบาลจีนซึ่งเชื่อมโยงเหตุระเบิดกับขบวนการอิสลามเตอร์กิสถานตะวันออก (The East Turkestan Islamic Movement, ETIM) ขบวนการของชนกลุ่มน้อยชาวอุยกูร์ในซินเจียงเป็นครั้งแรกในการรายงานเมื่อวันพุธที่ผ่านมา หลังจากที่ก่อนหน้านี้จีนพยายามลดกระแสการเชื่อมโยงดังกล่าวมาโดยตลอด

 

ขณะเดียวกัน สื่อตุรกีรายนี้ยังรายงานคำสัมภาษณ์ของ นายออสมัน บูเลนต์ ทูตตุรกีประจำประเทศไทย ถึงกรณีที่ทางสถานทูตตุรกีได้ติดต่อขอทราบข้อมูลที่ชัดเจนจากกระทรวงการต่างประเทศของไทย แต่กลับไม่ได้รับการตอบรับ ซึ่งสื่อตุรกียืนยันว่า แนวทางปฏิบัติทางการทูตตามปกติ เมื่อมีการออกหมายจับของประเทศใดต่อพลเมืองของประเทศอื่น ประเทศของบุคคลที่ถูกออกหมายจับ จะต้องได้รับการแจ้งเตือนโดยทันที

 

     "เห็นได้ชัดว่า คณะรักษาความสงบแห่งชาติกับกระทรวงการต่างประเทศของไทยขาดการประสานงานกัน ทำให้เสียงจากกระทรวงไปไม่ถึง(ผู้มีอำนาจ)" นายบูเลนต์กล่าวกับสื่อตุรกี

 

    ทูตตุร กียังกล่าวว่า กระทรวงการต่างประเทศของไทย มีแนวปฏิบัติทางการทูตที่มีประสิทธิภาพและประสบความสำเร็จในการสร้างสมดุลด้านความสัมพันธ์กับประเทศต่างๆ มาอย่างยาวนาน แต่หลังการรัฐประหารปีที่แล้วทางกระทรวงฯ จำต้องปรับเข้าสู่ระบบการทำงานที่ขัดต่อแนวปฏิบัติตามปกติ

 

 

ที่มา:Thailand treading diplomatic tightrope in bomb probe

 

ooKbee1

corehoon NEW2

 

 

ข่าวล่าสุด!!