หมวดหมู่: อาชญากรรม

1เอยดผกคอ




เอี๊ยดผูกคอ กรมคุกยัน-ฆ่าตัวเอง 
เสื้อโยงลูกกรง ส่งนิติเวชพิสูจน์ พ่อแม่ขอรับศพ ผบ.ตร.ชี้คอนโด มีทรัพย์สินบิ๊กกิ๊ก

     'เอี๊ยด'ดับแล้ว เสื้อผูกคอกับลูกกรง จนท.พบรีบปั๊มหัวใจ ก่อนส่งร.พ.ราชทัณฑ์ แต่ช่วยไม่ทันราชทัณฑ์ตั้งกก.สอบข้อเท็จจริง พร้อมร่อนแถลงการณ์ แจงเหตุผูกคอดับ คาดเครียดขังเดี่ยว-อาจปรับตัวไม่ได้ ส่วนศพต้องส่งให้ นิติเวชฯ พิสูจน์ ผบ.ตร.ประชุมคดี เผยผลตรวจค้นคอนโดฯ เจอทรัพย์สิน 'บิ๊กกิ๊ก'ซุกอื้อ เร่งสรุปสำนวนคดีหมิ่นสถาบันใน 3 สัปดาห์

วันที่ 25 ตุลาคม พ.ศ. 2558 ปีที่ 25 ฉบับที่ 9097 ข่าวสดรายวัน

ผูกคอดับ - พ่อแม่และญาติติดต่อสถาบันนิติเวชฯ ร.พ. ตำรวจ ขอรับศพพ.ต.ต. ปรากรม วารุณประภา หรือสารวัตรเอี๊ยด ผู้ต้องหาคดีแอบอ้างเบื้องสูง ที่ผูกคอฆ่าตัวในห้องขังเรือนจำ มทบ.11 ก่อนไปเสียชีวิตที่ร.พ.ราช ทัณฑ์ เมื่อวันที่ 24 ต.ค.

      เมื่อเวลา 11.00 น. วันที่ 24 ต.ค. ที่กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (บช.ก.) พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) เรียกประชุมชุดสืบสวนสอบสวนคดีหมิ่นพระบรมเดชานุภาพตามกฎหมายอาญามาตรา 112 โดยมีพล.ต.ท. ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล ผช.ผบ.ตร. ในฐานะ หัวหน้าพนักงานสอบสวน เป็นผู้รายงานข้อมูลความคืบหน้าทางสำนวนคดี

      ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ขณะที่พล.ต.ท.ศรีวราห์ และทีมงานเดินขึ้นไปยังห้องประชุมที่อาคาร บช.ก.มีสีหน้าเคร่งขรึม และปฏิเสธที่จะให้สัมภาษณ์แก่ผู้สื่อข่าว ทั้งนี้ การประชุมเป็นไปด้วยความเคร่งเครียด

      พล.ต.อ.จักรทิพย์กล่าวภายหลังที่ประชุมว่า ได้สั่งการให้ชุดสืบสวนสอบสวนที่มีพล.ต.ท.ศรีวราห์เป็นหัวหน้าชุด เร่งรัดดำเนินการสืบสวนขยายผลเพิ่มเติม หากพบว่ามีบุคคลใดเข้าไปเกี่ยวข้องก็ให้เรียกมาสอบสวนและรวบรวมข้อมูลพยานหลักฐานเพื่อออกหมายจับต่อไปตามขั้นตอน ทั้งนี้ คดีดังกล่าวแบ่งออกเป็น 2 ส่วน คือในส่วนของคดีที่เกี่ยวข้องกับการแอบอ้างสถาบันเพื่อเรียกรับผลประโยชน์ และคดีในส่วนที่เกี่ยวข้องกับการลักทรัพย์สินทั้งที่เป็นของบริษัทเอกชนและของทางราชการ

     "โดยคดีที่เกี่ยวกับการหมิ่นสถาบันนั้นขณะนี้มีความคืบหน้าไปแล้วกว่า 80 เปอร์เซ็นต์ และคาดว่าจะสามารถสรุปสำนวนคดีให้แล้วเสร็จเพื่อส่งให้อัยการได้ภายใน 3 สัปดาห์" ผบ.ตร.กล่าว

     พล.ต.อ.จักรทิพย์ กล่าวด้วยว่า ส่วนกรณีการอายัดทรัพย์สินของผู้ต้องหาทั้ง 3 ราย คือ พ.ต.ต.ปรากรม วารุณประภา หรือสารวัตรเอี๊ยด นายสุริยัน สุจริตพลวงศ์ หรือหมอหยอง หมอดูชื่อดัง และนายจิรวงศ์ วัฒนเทวาศิลป์ หรืออาท เลขานุการคนสนิทของหมอหยอง เจ้าหน้าที่ได้ตรวจค้นและอายัดทรัพย์สินของผู้ต้องหาทั้ง 3 คนเรียบร้อยแล้ว และขณะนี้ได้ส่งทรัพย์สินของกลางที่ตรวจพบต่างๆ ทั้งอาวุธปืน วิทยุสื่อสาร อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ รวมทั้งรถยนต์ ไปให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องตรวจสอบเพื่อขยายผลหาที่มาของทรัพย์สินดังกล่าวแล้ว โดยเฉพาะอาวุธปืนนั้นต้องตรวจสอบด้วยว่าเคยนำไปใช้ในการก่อเหตุอะไรหรือไม่

     พล.ต.อ.จักรทิพย์ กล่าวอีกว่า ส่วนเรื่องการออกหมายจับผู้ต้องหาที่เกี่ยวข้องเพิ่มเติมนั้น เจ้าหน้าที่กำลังสอบสวนขยายผล ต้องไปสอบถามกับทางพล.ต.ท.ศรีวราห์ถึงความคืบหน้าในส่วนนี้ อย่างไรก็ตามคดีนี้เหมือนกับคดีการแอบอ้างสถาบันเพื่อหาประโยชน์ของเครือข่ายของพล.ต.ท.พงศ์พัฒน์ ฉายาพันธุ์ อดีต ผบช.ก. จึงต้องตรวจสอบในลักษณะเดียวกัน โดยจากนี้ ตร.จะได้ทำหนังสือไปถึงสำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) เพื่อให้เข้ามาตรวจสอบทรัพย์สินที่ เจ้าหน้าที่อายัดเอาไว้และดำเนินการยึดทรัพย์ต่อไป โดยในวันที่ 29 ต.ค.นี้จะประชุมติดตามความคืบหน้าคดีนี้อีกครั้งในช่วงบ่าย ที่บช.ก.

      พล.ต.อ.จักรทิพย์กล่าวให้สัมภาษณ์ก่อนร่วมประชุมด้วยว่า จากการตรวจค้นคอนโดมิเนียม ของพ.ต.ต.ปรากรม พบทรัพย์สินเป็นจำนวนมาก และเบื้องต้นยังพบทรัพย์สินของอดีต ผบช.ก.อยู่ด้วย ซึ่งจะต้องทำการตรวจสอบอย่างละเอียดอีกครั้ง

     ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเวลา 08.30 น. ที่คอนโดฯ ลาเมซอง 24 ซอยพหลโยธิน 24 แยก 2/2 ถนนพหลโยธิน แขวงลาดยาว เขตจตุจักร กทม. บรรยากาศบริเวณโดยรวมของสถานที่ดังกล่าวยังเป็นไปอย่างปกติ ไม่มีกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจเดินทางเข้ามาเคลื่อนย้ายทรัพย์สินของพ.ต.ต.ปรากรม

     ด้านร.ต.อ.หญิงสุวนีย์ แสวงผล รองเลขาธิการ ปปง. กล่าวว่า ในคดีที่เกี่ยวข้องของเครือข่ายการกระทำความผิดมาตรา 112 ของนายสุริยัน ขณะนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ประสานให้ทาง ปปง.ช่วยดำเนินการตรวจสอบเส้นทางการเงินของเครือข่ายดังกล่าวแล้ว ซึ่งหลังจากนี้ ปปง.จะต้องพิจารณารายละเอียดว่ามีการแจ้งข้อหากระทำผิดใดบ้าง และเข้ามูลฐานความผิดตามกฎหมายฟอกเงินที่อยู่ในอำนาจหน้าที่ของการตรวจสอบของ ปปง.หรือไม่ ซึ่งเรื่องนี้จะนำเข้าที่ประชุมคณะกรรมการธุรกรรมในวันที่ 29 ต.ค.นี้

       วันเดียวกัน พล.อ.ไพบูลย์ คุ้มฉายา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม กล่าวถึงกรณีพ.ต.ต.ปรากรมฆ่าตัวตายภายในเรือนจำชั่วคราว แขวงถนนนครไชยศรี ภายในมณฑลทหารบกที่ 11 ว่า เบื้องต้นได้รับรายงานจากนายวิทยา สุริยะวงค์ อธิบดีกรมราชทัณฑ์ ว่ามีเหตุผู้ต้องขังผูกคอตายภายในเรือนจำ ซึ่งขณะเกิดเหตุได้มีเจ้าหน้าที่ไปพบเห็น จึงเร่งนำตัวส่งโรงพยาบาล ก่อนผู้ต้องขังจะเสียชีวิตในเวลาต่อมาที่โรงพยาบาล

     พล.อ.ไพบูลย์ กล่าวต่อว่า ได้สั่งการให้ทางกรมราชทัณฑ์ดำเนินการตามระเบียบ โดยการตั้งคณะกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริงเกี่ยวกับเรื่องที่เกิดขึ้น อีกทั้งการเสียชีวิตระหว่างการควบคุมตัวของเจ้าหน้าที่ต้องมีการร่วมชันสูตรพลิกศพตามขั้นตอนของกฎหมาย และระเบียบราชทัณฑ์ พร้อมทั้งให้เร่งรายงานผลการสอบสวนอย่างเป็นทางการมายังสำนักงานรัฐมนตรีโดยด่วน

     ต่อมากรมราชทัณฑ์ได้ออกเอกสารแถลงข่าว เรื่องผู้ต้องขังเสียชีวิต โดยข้อความในเอกสารข่าวระบุว่า กรมราชทัณฑ์ได้รับรายงานเมื่อวันที่ 23 ต.ค. 2558 เวลาประมาณ 22.00 น. จากเรือนจำชั่วคราวแขวงถนนนครไชยศรี สังกัดเรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ ว่าผู้ต้องขังชาย (ข.ช.) ปรากรม วารุณประภา ผู้ต้องขังระหว่างสอบสวนในความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 ซึ่งได้รับตัวไว้ควบคุมตามหมายขังของศาลทหารกรุงเทพ ตั้งแต่วันที่ 21 ต.ค. 2558 ได้พยายามฆ่าตัวตายด้วยการใช้ผ้าจากเสื้อผู้ต้องขังที่ทางเรือนจำจ่ายให้ตามระเบียบผูกคอตัวเองกับลูกกรงห้องขังภายในเรือนจำชั่วคราว แขวงถนนนครไชยศรี

      โดยเวรรักษาการณ์กลางคืนในวันดังกล่าวได้ตรวจพบ จึงได้รายงานผู้บังคับบัญชาและเปิดห้องขังเข้าไปให้การช่วยเหลือในทันที ในเบื้องต้นพบว่าผู้ต้องขังยังไม่เสียชีวิต จึงได้พยายามใช้เครื่องช่วยหายใจและให้การปฐมพยาบาล พร้อมกับนำตัวส่งทัณฑสถานโรงพยาบาลราชทัณฑ์ในทันที จนกระทั่งนำตัวส่งถึงทัณฑสถานโรงพยาบาลราชทัณฑ์ และได้รับแจ้งจากแพทย์ในเวลาต่อมาว่าผู้ต้องขังได้เสียชีวิตแล้ว

      เอกสารระบุต่อว่า ข้อเท็จจริงเบื้องต้นมีดังนี้ 1.ห้องขังที่เรือนจำชั่วคราว ไม่ใช่ห้องขังเหมือนเรือนจำปกติทั่วไป แต่ใช้อาคารที่ทำการของหน่วยทหาร ซึ่งมีประตูทึบ ผนังปูน 4 ด้าน และทางเรือนจำชั่วคราวฯ ได้เสริมความมั่นคง โดยการติดลูกกรงเพิ่มเติม ภายในห้องขังมีเครื่องหลับนอนผู้ต้องขัง ใช้ระบบขังเดี่ยว ผู้ต้องขังทั้งหมดไม่มีโอกาสพบกัน

     2.การควบคุมผู้ต้องขังเวลากลางคืนจะมีเวรผลัดละ 1 คน คอยเดินตรวจตรา ซึ่ง ขณะนี้เรือนจำชั่วคราวมีผู้ต้องขังรวม 5 คน ประกอบกับเป็นวันหยุดราชการ ไม่มีการสอบสวน ผู้ต้องขังถูกขังห้องเพียงลำพัง ไม่มีโอกาสพบคู่คดี จะมีการเดินตรวจเป็นระยะเท่านั้น

      3.คดีนี้เป็นคดีสำคัญ ผู้ต้องขังเป็นบุคคลที่มีชื่อเสียง อาจมีปัญหาในการปรับตัว เพราะเพิ่งรับตัวไว้เมื่อวันที่ 21 ต.ค. 2558 การเสียชีวิตของผู้ต้องขังในครั้งนี้เป็นการเสียชีวิตในระหว่างการควบคุมของเจ้าพนักงาน จึงต้องดำเนินการชันสูตรพลิกศพตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา และส่งศพ ให้สถาบันนิติเวช สำนักงานตำรวจแห่งชาติดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมายต่อไป

       ทั้งนี้ ในส่วนของเรือนจำพิเศษกรุงเทพ มหานครได้ดำเนินการแต่งตั้งคณะกรรมการสอบข้อเท็จจริงในเรื่องดังกล่าวด้วย เพื่อแสวงหาข้อเท็จจริงและรวบรวมพยานหลักฐานรายงานผู้บังคับบัญชาต่อไป จึงแจ้งมาเพื่อทราบโดยทั่วกัน

     เวลา 16.00 น. วันเดียวกัน ที่สถาบันนิติเวช ร.พ.ตำรวจ พล.ต.ท.วัฒนชัย วารุณประภา อดีตผบช.สนง.ตร. บิดาพ.ต.ต.ปรากรม พร้อมด้วยมารดาและครอบครัวซึ่งอยู่ในอาการเศร้าโศก ได้เดินทางมาติดต่อเพื่อขอรับศพกับเจ้าหน้าที่นิติเวช

      ด้านเจ้าหน้าที่สถาบันนิติเวชแจ้งว่า ยังไม่ได้รับการประสานจากทางโรงพยาบาลราชทัณฑ์ หากมีการนำศพพ.ต.ต.ปรากรมมาจริงน่าจะมาถึงเร็วที่สุดประมาณ 21.00 น. หรือช้าที่สุดภายในวันที่ 25 ต.ค.

      ขณะที่ทางญาติได้ขอไม่ให้สัมภาษณ์ใดๆ ต่อสื่อมวลชน โดยกล่าวเพียงว่า "ขอให้เห็นใจด้วยนะค่ะ คนเป็นพ่อเป็นแม่" ก่อนเดินทางกลับออกไป

ooKbee1

corehoon NEW2

 

 

ข่าวล่าสุด!!