หมวดหมู่: Leasing

TRIS2


ทริสเรทติ้ง จัดอันดับเครดิตองค์กร 'บ. ตะวันออกพาณิชย์ลีสซิ่ง' ที่ 'BBB-' ด้วยแนวโน้ม 'Stable'

 

       ทริสเรทติ้ง จัดอันดับเครดิตองค์กรของ บริษัท ตะวันออกพาณิชย์ลีสซิ่ง จำกัด (มหาชน) ที่ระดับ 'BBB-' โดยอันดับเครดิตดังกล่าวสะท้อนถึงประวัติการดำเนินธุรกิจของผู้บริหารของบริษัทในการให้บริการสินเชื่อรถยนต์ที่เป็นที่ยอมรับ ตลอดจนผลกำไรที่ปรับตัวดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง และฐานทุนที่แข็งแรง อย่างไรก็ตาม จุดแข็งดังกล่าวลดทอนลงจากการกระจุกตัวของเครือข่ายสาขาและการแข่งขันที่รุนแรงในธุรกิจให้บริการสินเชื่อรถยนต์ ในขณะเดียวกันส่วนแบ่งทางการตลาดในส่วนของสินเชื่อคงค้างของบริษัทก็อยู่ในระดับค่อนข้างต่ำเมื่อเทียบกับคู่แข่งรายใหญ่ นอกจากนี้ อันดับเครดิตยังสะท้อนถึงความสามารถในการควบคุมคุณภาพสินทรัพย์ของบริษัทซึ่งต้องอาศัยเวลาในการพิสูจน์ความสำเร็จโดยเฉพาะอย่างยิ่งหลังจากการขยายตัวอย่างรวดเร็วของสินเชื่อของบริษัทอีกด้วย กล่าวคือ บริษัทยังต้องใช้เวลาในการพิสูจน์ความมีเสถียรภาพในการขยายธุรกิจอย่างต่อเนื่องพร้อมทั้งรักษาผลประกอบการทางการเงินให้อยู่ในระดับที่น่าพอใจ

       บริษัทตะวันออกพาณิชย์ลีสซิ่งก่อตั้งในปี 2527 โดยกลุ่มตระกูลวีระพงษ์และตระกูลตันตราภรณ์และได้จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยในปี 2547 บริษัทมีประสบการณ์ที่ยาวนานในธุรกิจให้บริการสินเชื่อเช่าซื้อรถยนต์ใช้แล้วและสินเชื่อเพื่อเป็นเงินทุนหมุนเวียนสำหรับกลุ่มผู้ประกอบการเต็นท์รถยนต์มือสอง (หรือสินเชื่อ Floor Plan) มาตั้งแต่ปีก่อตั้ง ณ เดือนกันยายน 2560 ตระกูลวีระพงษ์และตระกูลตันตราภรณ์ยังคงเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่ของบริษัท ในสัดส่วน 32.3% ของจำนวนหุ้นทั้งหมด ตามด้วย Premium Financial Services Co., Ltd. (PFS) ซึ่งถือหุ้น 25.5% ทั้งนี้ PFS เป็นผู้ให้บริการด้านสินเชื่อรถยนต์และรับประกันชิ้นส่วนรถยนต์มือสองในประเทศญี่ปุ่น ความรู้ความชำนาญและการสนับสนุนจาก PFS จะช่วยปรับปรุงระบบการทำงานของบริษัทให้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้นและมีแหล่งรายได้ค่าธรรมเนียมจากบริการดูแลรักษาและซ่อมบำรุงยานยนต์มากยิ่งขึ้น อย่างไรก็ตาม ความสำเร็จของธุรกิจใหม่ดังกล่าวยังเป็นสิ่งที่ต้องรอการพิสูจน์ความสำเร็จต่อไป

      ยอดสินเชื่อรถคงค้างของบริษัทเติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่องจาก 837 ล้านบาท ณ สิ้นปี 2552 เป็น 1,883 ล้านบาท ณ สิ้นปี 2558 คิดเป็นอัตราการเติบโตโดยเฉลี่ยต่อปีเท่ากับ 14% สินเชื่อใหม่ประเภทหนึ่งของบริษัทคือสินเชื่อรถจักรยานยนต์ขนาดใหญ่ (บิ๊กไบค์) นั้นเติบโตอย่างรวดเร็วซึ่งส่งผลให้ยอดสินเชื่อรถคงค้างของบริษัทเติบโต 30% หรือคิดเป็น 2,457 ล้านบาท ณ สิ้นปี 2559 ทั้งนี้ ณ เดือนกันยายน 2560 บริษัทมียอดสินเชื่อรถคงค้างเติบโต 50% จากสิ้นปีก่อนหน้า หรือเท่ากับ 3,653 ล้านบาท ซึ่งประกอบด้วยสินเชื่อรถยนต์ในสัดส่วน 54% รถจักรยานยนต์ขนาดใหญ่ในสัดส่วน 35% รถบรรทุกและรถประเภทอื่น ๆ ในสัดส่วน 10% และสินเชื่อ Floor Plan อีก 1% พื้นที่การให้บริการสินเชื่อเช่าซื้อรถของบริษัทค่อนข้างกระจุกตัวเมื่อเทียบกับคู่แข่งโดยบริษัทให้บริการที่สำนักงานใหญ่ในกรุงเทพฯ และสาขาอีกเพียง 4 สาขาในเขตปริมณฑลและภาคตะวันออกเท่านั้น

       ผลกระทบจากภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัวในช่วงที่ผ่านมาส่งผลให้คุณภาพสินทรัพย์ของบริษัทเสื่อมถอยลงในช่วงปี 2556-2557 โดยอัตราส่วนสินเชื่อที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (สินเชื่อค้างชำระเกิน 90 วัน) ต่อสินเชื่อรวมของบริษัทเพิ่มขึ้นจาก 1.96% ในปี 2555 เป็น 2.58% ในปี 2556 และเป็น 4.01% ในปี 2557 การตัดหนี้สูญของบริษัทในช่วงปี 2558 ช่วยลดอัตราส่วนสินเชื่อที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ต่อสินเชื่อรวมให้ลงมาอยู่ที่ 3.29% ณ สิ้นปี 2558 อัตราส่วนดังกล่าวปรับเพิ่มขึ้นมาอีกที่ระดับ 3.42% ณ สิ้นปี 2559 แต่ก็ปรับตัวดีขึ้นเป็น 2.40% ณ เดือนกันยายน 2560 คุณภาพสินทรัพย์ที่ปรับตัวดีขึ้นมีผลบางส่วนมาจากการเติบโตอย่างมากของสินเชื่อรวมของบริษัท ในขณะที่การขยายตัวอย่างมากของสินเชื่อในกลุ่มรถจักรยานยนต์ขนาดใหญ่นั้นยังต้องอาศัยเวลาในการพิสูจน์ความสามารถในการบริหารจัดการและควบคุมคุณภาพสินเชื่อให้อยู่ในระดับที่ยอมรับได้

      บริษัทตั้งค่าเผื่อหนี้สงสัยจะสูญที่ค่อนข้างต่ำเมื่อเทียบกับคู่แข่ง โดยสัดส่วนค่าเผื่อหนี้สงสัยจะสูญต่อสินเชื่อค้างชำระ (เกิน 90 วัน) อยู่ที่ประมาณ 31% ณ เดือนกันยายน 2560 เทียบกับอัตราส่วนโดยเฉลี่ยของอุตสาหกรรมที่ 50% ในมุมมองของทริสเรทติ้งเห็นว่าอัตราค่าเผื่อหนี้สงสัยจะสูญของบริษัทเป็นอัตราที่ไม่มากพอที่จะทำให้บริษัทสามารถรับมือกับความไม่แน่นอนในทางลบจากสภาพแวดล้อมในการดำเนินธุรกิจที่อาจจะเกิดขึ้นในอนาคตได้ อย่างไรก็ตาม ฐานทุนที่แข็งแรงของบริษัทถือว่ามีเพียงพอที่จะรองรับความเสี่ยงดังกล่าวได้ในระดับหนึ่ง

       ผลประกอบการทางการเงินของบริษัทค่อย ๆ ปรับตัวดีขึ้น ผลกำไรที่ดีขึ้นมาจากส่วนต่างอัตราดอกเบี้ยที่กว้างขึ้นซึ่งมีสาเหตุหลักมาจากต้นทุนทางการเงินที่ลดลงและความสำเร็จในการควบคุมค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานในช่วงหลายปีที่ผ่านมา โดยบริษัทมีกำไรสุทธิปีละประมาณ 50 ล้านบาทในระหว่างปี 2556-2558 กำไรสุทธิเพิ่มขึ้นเป็น 68 ล้านบาทในปี 2559 (ไม่รวมผลขาดทุนจากการจำหน่ายหุ้นในราคาต่ำกว่าตลาดให้แก่ PFS จำนวน 42.75 ล้านบาท) และ 103 ล้านบาทในช่วง 9 เดือนแรกของปี 2560 หรือเพิ่มขึ้น 106% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า อัตราส่วนผลตอบแทนต่อสินทรัพย์รวมถัวเฉลี่ยเพิ่มขึ้นโดยตลอดจาก 2.5% ในปี 2556 เป็น 4.3% (ปรับอัตราส่วนเป็นตัวเลขเต็มปี) ในช่วง 9 เดือนแรกของปี 2560 อัตราส่วนผลตอบแทนต่อส่วนของผู้ถือหุ้นถัวเฉลี่ยอยู่ที่ระดับ 11.1% (ปรับอัตราส่วนเป็นตัวเลขเต็มปี) ในช่วง 9 เดือนแรกของปี 2560 ทริสเรทติ้งคาดหวังว่าบริษัทจะสามารถดูแลให้ต้นทุนทางการเงิน ตลอดจนคุณภาพสินทรัพย์ และต้นทุนในการดำเนินงานอยู่ภายใต้การควบคุมเพื่อให้ความสามารถในการทำกำไรของบริษัทยังคงปรับตัวดีขึ้นอย่างต่อเนื่องต่อไป

       ฐานทุนของบริษัทมีความแข็งแรงขึ้นจากการเพิ่มทุนจำนวน 313.5 ล้านบาทในเดือนพฤษภาคม 2559 ทำให้ส่วนของผู้ถือหุ้นเพิ่มขึ้นเป็น 1,104 ล้านบาท ณ สิ้นปี 2559 โดยเพิ่มขึ้น 50% จาก 736 ล้านบาท ณ สิ้นปี 2558 อัตราส่วนของผู้ถือหุ้นต่อสินทรัพย์รวมเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ระดับ 43.4% ณ สิ้นปี 2559 จาก 37.7% ณ สิ้นปี 2558 การเติบโตอย่างมากของสินเชื่อในช่วงที่ผ่านมาซึ่งอาศัยแหล่งเงินทุนจากภายนอกนั้นส่งผลให้อัตราส่วนของผู้ถือหุ้นต่อสินทรัพย์รวมของบริษัทลดลงเป็น 35.6% ณ เดือนกันยายน 2560 อัตราส่วนหนี้สินต่อส่วนของผู้ถือหุ้นอยู่ที่ระดับ 1.81 เท่า ณ เดือนกันยายน 2560 ซึ่งอยู่ในระดับที่ต่ำกว่าข้อกำหนดสิทธิที่ต้องไม่เกิน 3 เท่า ปัจจุบันบริษัทมีฐานทุนที่ค่อนข้างแข็งแกร่งเพียงพอต่อการขยายสินเชื่อในระยะกลาง

      ในขณะที่ฐานทุนที่แข็งแกร่งจะช่วยบรรเทาความเสี่ยงจากกลุ่มลูกค้าหลักของบริษัทที่เป็นกลุ่มที่มีความเสี่ยงในการชำระหนี้ที่ค่อนข้างสูง อีกทั้งยังมีความอ่อนไหวเป็นอย่างมากต่อการเปลี่ยนแปลงในเชิงลบของภาวะเศรษฐกิจด้วยเช่นกัน ทริสเรทติ้งยังหวังว่าบริษัทจะสามารถดำรงฐานทุนที่ค่อนข้างแข็งแกร่งเอาไว้ได้ อย่างไรก็ตาม การขยายฐานสินเชื่อในเชิงรุกจะเป็นความท้าทายที่สำคัญของบริษัท ทั้งนี้ เนื่องจากวงเงินกู้ยืมที่บริษัทมีกับธนาคารได้รับการค้ำประกันโดยการโอนสิทธิลูกหนี้ตามสัญญาเช่าซื้อบางส่วนไว้จึงทำให้บริษัทมีความยืดหยุ่นทางการเงินน้อยกว่าคู่แข่งรายสำคัญโดยเฉพาะอย่างยิ่งในกรณีที่บริษัทต้องเผชิญกับปัญหาสภาพคล่องทางการเงิน

 

แนวโน้มอันดับเครดิต

       แนวโน้มอันดับเครดิต 'Stable' หรือ 'คงที่'สะท้อนความคาดหวังของทริสเรทติ้งว่าบริษัทจะสามารถรักษาส่วนแบ่งทางการตลาดและมีผลประกอบการทางการเงินที่แน่นอนและมั่นคงไปพร้อมกับการรักษาฐานทุนให้แข็งแกร่งเอาไว้ได้ นอกจากนี้ ยังคาดว่าบริษัทจะสามารถควบคุมและรักษาคุณภาพสินทรัพย์ให้อยู่ในระดับที่ยอมรับได้ด้วย

       การปรับเพิ่มอันดับเครดิตหรือแนวโน้มอันดับเครดิตมีข้อจำกัดในระยะกลางจากการขยายตัวอย่างมากของสินเชื่อของบริษัทเมื่อไม่นานมานี้โดยเฉพาะในกลุ่มสินเชื่อรถจักรยานยนต์ขนาดใหญ่ อย่างไรก็ตาม อันดับเครดิตหรือแนวโน้มอันดับเครดิตอาจปรับเพิ่มขึ้นได้หากสถานะทางธุรกิจของบริษัทแข็งแรงขึ้นจากการเพิ่มรายได้จากบริการดูแลรักษาและซ่อมบำรุงยานยนต์ ในทางกลับกัน สถานะเครดิตของบริษัทอาจได้รับผลกระทบในเชิงลบหากคุณภาพสินทรัพย์ของบริษัทเสื่อมถอยลงอย่างมีนัยสำคัญซึ่งอาจส่งผลทำให้ความสามารถในการทำกำไรและฐานทุนของบริษัทถดถอยลง

บริษัท ตะวันออกพาณิชย์ลีสซิ่ง จำกัด (มหาชน) (ECL)

อันดับเครดิตองค์กร               BBB-

แนวโน้มอันดับเครดิต:           Stable

 

บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด/ www.trisrating.com

          ติดต่อ This email address is being protected from spambots. You need JavaScript enabled to view it.  โทร. 0-2231-3011 ต่อ 500 อาคารสีลมคอมเพล็กซ์ ชั้น 24 191 ถ. สีลม กรุงเทพฯ 10500

           บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด สงวนลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2560 ห้ามมิให้บุคคลใด ใช้ เปิดเผย ทำสำเนาเผยแพร่ แจกจ่าย หรือเก็บไว้เพื่อใช้ในภายหลังเพื่อประโยชน์ใดๆ ซึ่งรายงานหรือข้อมูลการจัดอันดับเครดิต ไม่ว่าทั้งหมดหรือเพียงบางส่วน และไม่ว่าในรูปแบบ หรือลักษณะใดๆ หรือด้วยวิธีการใดๆ โดยที่ยังไม่ได้รับอนุญาตเป็นลายลักษณ์อักษรจาก บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ก่อน การจัดอันดับเครดิตนี้มิใช่คำแถลงข้อเท็จจริง หรือคำเสนอแนะให้ซื้อ ขาย หรือถือตราสารหนี้ใดๆ แต่เป็นเพียงความเห็นเกี่ยวกับความเสี่ยงหรือความน่าเชื่อถือของตราสารหนี้นั้นๆ หรือของบริษัทนั้นๆ โดยเฉพาะ ความเห็นที่ระบุในการจัดอันดับเครดิตนี้มิได้เป็นคำแนะนำเกี่ยวกับการลงทุน หรือคำแนะนำในลักษณะอื่นใด การจัดอันดับและข้อมูลที่ปรากฏในรายงานใดๆ ที่จัดทำ หรือพิมพ์เผยแพร่โดย บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ได้จัดทำขึ้นโดยมิได้คำนึงถึงความต้องการด้านการเงิน พฤติการณ์ ความรู้ และวัตถุประสงค์ของผู้รับข้อมูลรายใดรายหนึ่ง ดังนั้น ผู้รับข้อมูลควรประเมินความเหมาะสมของข้อมูลดังกล่าวก่อนตัดสินใจลงทุน บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ได้รับข้อมูลที่ใช้สำหรับการจัดอันดับเครดิตนี้จากบริษัทและแหล่งข้อมูลอื่นๆ ที่เชื่อว่าเชื่อถือได้

       ดังนั้น บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด จึงไม่รับประกันความถูกต้อง ความเพียงพอ หรือความครบถ้วนสมบูรณ์ของข้อมูลใดๆ ดังกล่าว และจะไม่รับผิดชอบต่อความสูญเสีย หรือความเสียหายใดๆ อันเกิดจากความไม่ถูกต้อง ความไม่เพียงพอ หรือความไม่ครบถ้วนสมบูรณ์นั้น และจะไม่รับผิดชอบต่อข้อผิดพลาด หรือการละเว้นผลที่ได้รับหรือการกระทำใดๆโดยอาศัยข้อมูลดังกล่าว ทั้งนี้ รายละเอียดของวิธีการจัดอันดับเครดิตของ บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด เผยแพร่อยู่บน Website: http://www.trisrating.com/th/rating-information-th2/rating-criteria.html

ooKbee1

corehoon NEW2

 

 

ข่าวล่าสุด!!