หมวดหมู่: Leasing

TRIS3


ทริสเรทติ้ง จัดอันดับเครดิตหุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกันวงเงินไม่เกิน 3,000 ล้านบาท 'บ.ราชธานีลิสซิ่ง' ที่ระดับ 'A-/Stable

 

    ทริสเรทติ้ง ยืนยันอันดับเครดิตองค์กรและหุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกันชุดปัจจุบันของ บริษัท ราชธานีลิสซิ่ง จำกัด (มหาชน) ที่ระดับ ‘A-‘ ในขณะเดียวกันยังจัดอันดับเครดิตหุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกันชุดใหม่ในวงเงินไม่เกิน 3,000 ล้านบาทของบริษัทที่ระดับ ‘A-‘ ด้วย โดยอันดับเครดิตดังกล่าวสะท้อนถึงสถานะธุรกิจของบริษัทอันเนื่องมาจากสถานะทางการตลาดและผลประกอบการทางการเงินที่ปรับดีขึ้นอย่างสม่ำเสมอ อันดับเครดิตยังสะท้อนถึงคณะผู้บริหารที่มีประสบการณ์สูงในธุรกิจสินเชื่อรถยนต์ใช้แล้วและรถบรรทุกเพื่อการพาณิชย์ รวมถึงการพัฒนาขั้นตอนการปฏิบัติงานและระบบบริหารความเสี่ยงอย่างต่อเนื่อง การพิจารณาอันดับเครดิตยังคำนึงถึงการสนับสนุนทั้งในด้านธุรกิจและการเงินจาก ธนาคารธนชาต จำกัด (มหาชน) ซึ่งเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ของบริษัท อันดับเครดิตของบริษัทได้รับการปรับเพิ่มขึ้นจากการเป็นบริษัทลูกที่มีความสำคัญในเชิงกลยุทธ์ของธนาคารธนชาต อย่างไรก็ตาม อันดับเครดิตถูกลดทอนบางส่วนจากความกังวลเกี่ยวกับการแข่งขันที่รุนแรง คุณภาพสินเชื่อและการพึ่งพิงสินเชื่อรถบรรทุกเพื่อการพาณิชย์เป็นหลัก ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อความสามารถในการทำกำไรของบริษัท

      บริษัทราชธานีลิสซิ่งมีสถานะเป็นบริษัทลูกของธนาคารธนชาตมาตั้งแต่ปี 2553 หลังจากการควบรวมกิจการระหว่างธนาคารนครหลวงไทย จำกัด (มหาชน) กับธนาคารธนชาตพร้อมทั้งมีการปรับโครงสร้างเงินทุนของบริษัท ปัจจุบันบริษัทเป็นหนึ่งในบริษัทลูกที่อยู่ในกลุ่มควบรวมแบบ Non-Solo Consolidation กับธนาคารธนชาตตามกฎเกณฑ์การกำกับแบบรวมกลุ่มของธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) แม้ว่าธุรกิจหลักของบริษัทคือธุรกิจสินเชื่อรถยนต์จะทับซ้อนกับธุรกิจสินเชื่อรถยนต์ของธนาคารธนชาต ทว่าบริษัทและธนาคารก็มีผลิตภัณฑ์และตลาดเป้าหมายที่ต่างกัน โดยบริษัทเน้นกลุ่มตลาดที่ธนาคารธนชาตยังเข้าไม่ถึง นอกจากนี้ ธนาคารธนชาตยังได้ให้ความช่วยเหลือแก่บริษัทในการพัฒนากระบวนการอนุมัติสินเชื่อและการจัดเก็บหนี้เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการปฏิบัติงานด้วย โดยมีการนำนโยบายการบริหารความเสี่ยงในด้านต่าง ๆ มาใช้ในบริษัทเพื่อให้สอดคล้องกับมาตรฐานของธนาคารธนชาต ทั้งนี้ บริษัทยังได้รับคำแนะนำอย่างใกล้ชิดจากธนาคารและอยู่ภายใต้การกำกับดูแลของ ธปท. ผ่านการกำกับดูแลจากธนาคารแม่ด้วยเช่นกัน

     บริษัทมีความคล่องตัวทางการเงินมากขึ้นหลังจากมีสถานะเป็นบริษัทลูกของธนาคารธนชาตซึ่งทำให้บริษัทได้รับการสนับสนุนทั้งในด้านธุรกิจและการเงินเพิ่มมากขึ้นจนช่วยยกระดับความสามารถในการแข่งขันและสนับสนุนความพยายามในการขยายธุรกิจของบริษัท บริษัทสามารถยกระดับสถานะทางการตลาดได้อย่างต่อเนื่องโดยสะท้อนจากการเติบโตที่สม่ำเสมอของสินเชื่อ ทั้งนี้ ระหว่างปี 2550-2556 สินเชื่อของบริษัทเติบโตในอัตรามากกว่า 10% มาโดยตลอด มูลค่าสินเชื่อคงเหลือรวมมีอัตราการเติบโตสะสมโดยเฉลี่ยต่อปีอยู่ที่ระดับ 45% บริษัทมีสินเชื่อรวมอยู่ที่ 2,854 ล้านบาทในปี 2550 และเติบโตอย่างต่อเนื่องมาอยู่ที่ 27,421 ล้านบาทในปี 2556 อย่างไรก็ดี ภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัวตั้งแต่ปี 2557 ทำให้อัตราการเติบโตของสินเชื่อลดลง นอกจากนี้ ทีมผู้บริหารของบริษัทยังคงเน้นให้ความสำคัญกับคุณภาพของสินทรัพย์เป็นหลัก ส่งผลทำให้สินเชื่อรวมของบริษัทโตเพียง 3% ในปี 2557 และ 6% ในปี 2558 ทั้งนี้ ในปี 2559 สินเชื่อรวมของบริษัทกลับมาเพิ่มขึ้นอย่างมาก มาอยู่ที่ 34,169 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 14% จากปี 2558 สินเชื่อรวมของบริษัทยังคงเติบโตอย่างต่อเนื่องมาอยู่ที่ 39,184 ล้านบาท ณ สิ้นเดือนกันยายน 2560 เพิ่มขึ้น 15% เมื่อเทียบกับสิ้นปี 2559

    บริษัทเน้นการให้บริการสินเชื่อรถบรรทุกเพื่อการพาณิชย์มาตั้งแต่ปี 2549 โดยสินเชื่อในกลุ่มนี้คิดเป็น 67% ของสินเชื่อเช่าซื้อรถยนต์คงค้างของบริษัท ณ สิ้นเดือนมิถุนายน 2560 บริษัทถือเป็นผู้นำตลาดในสินเชื่อรถบรรทุกเพื่อการพาณิชย์ อย่างไรก็ดี การพึ่งพิงสินเชื่อรถบรรทุกเพื่อการพาณิชย์เป็นหลักทำให้บริษัทมีความเสี่ยงในการกระจุกตัวในธุรกิจดังกล่าว นอกจากนี้ สินเชื่อสำหรับรถบรรทุกเพื่อการพาณิชย์เป็นสินเชื่อที่มีความอ่อนไหวต่อการเปลี่ยนแปลงของภาวะเศรษฐกิจ บริษัทจึงได้พยายามชดเชยความเสี่ยงที่เพิ่มขึ้นจากลูกค้ากลุ่มนี้ด้วย การคิดอัตราดอกเบี้ยที่สูงขึ้น การเรียกเก็บเงินดาวน์ที่เพิ่มขึ้น และการเรียกร้องให้ลูกค้าจ่ายชำระเป็นเช็คลงวันที่ล่วงหน้า เป็นต้น ทั้งนี้ การเติบโตอย่างต่อเนื่องมากกว่า 10 ปีที่ผ่านมาและผลการดำเนินงานที่น่าพอใจในการปล่อยสินเชื่อรถบรรทุกได้พิสูจน์ให้เห็นถึงความสามารถของคณะผู้บริหารของบริษัทในธุรกิจสินเชื่อรถบรรทุกเพื่อการพาณิชย์

       อัตราส่วนสินเชื่อที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ต่อสินเชื่อรวมของบริษัทปรับตัวลดลงอย่างต่อเนื่องเกือบทุกปีนับตั้งแต่ปี 2551 จนถึงปี 2555 โดยลดลงจาก 4.9% ในปี 2551 เป็น 2.3% ณ เดือนธันวาคม 2555 อย่างไรก็ดี อัตราส่วนสินเชื่อที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้เพิ่มขึ้นเป็น 3.6% ในปี 2556 และอยู่ในระดับสูงสุดที่ระดับ 5.2% ในปี 2557 เนื่องจากการชะลอตัวของภาวะเศรษฐกิจ อัตราส่วนดังกล่าวลดลงมาอยู่ที่ 4.6% ในปี 2558 เนื่องจากการตัดหนี้สูญ รวมทั้งจากการขายหนี้ด้อยคุณภาพ การปรับโครงสร้างหนี้ และกระบวนการติดตามหนี้ที่เข้มงวด ณ สิ้นปี 2559 อัตราส่วนสินเชื่อที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้เท่ากับ 4.4% ลดลงอย่างต่อเนื่องมาอยู่ที่ 4.3% ณ เดือนกันยายน 2560 อย่างไรก็ดี ท่ามกลางภาวะเศรษฐกิจที่ยังเปราะบางในปัจจุบัน ทริสเรทติ้งยังคงให้ความสำคัญในการติดตามคุณภาพสินเชื่อของบริษัท

     ในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา ความสามารถในการทำกำไรของบริษัทปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง บริษัทมีการตั้งสำรองค่าเผื่อหนี้สงสัยจะสูญเพิ่มขึ้นเป็นการล่วงหน้าเพื่อรองรับมาตรฐานบัญชีใหม่ (IFRS9) ซึ่งจะนำมาใช้ในปี 2562 บริษัทยังมีสถานะทางการเงินที่ดีขึ้น แม้ว่าต้องตั้งสำรองค่าเผื่อหนี้สงสัยจะสูญเป็นจำนวนมาก โดยในปี 2559 บริษัทมีกำไรสุทธิ 881 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 17.7% จากปีก่อน สำหรับอัตราส่วนผลตอบแทนต่อสินทรัพย์รวมถัวเฉลี่ยนั้นก็เพิ่มขึ้นจาก 2.6% ในปี 2558 เป็น 2.8% ในปี 2559

      การที่บริษัทมีสถานะเป็นบริษัทลูกที่มีความสำคัญในเชิงกลยุทธ์ของธนาคารธนชาตทำให้ทริสเรทติ้งลดความกังวลเกี่ยวกับสภาพคล่องและความยืดหยุ่นทางการเงินของบริษัทลงไป บริษัทยังได้เสริมฐานทุนในปี 2556 ด้วยการจ่ายหุ้นปันผล อย่างไรก็ตาม การจ่ายหุ้นปันผลไม่เพียงพอต่อการรักษาระดับอัตราส่วนของส่วนของผู้ถือหุ้นต่อสินทรัพย์รวม และอัตราส่วนดังกล่าวลดลงเป็น 11.8% ณ สิ้นปี 2556 จาก 13.1% ณ สิ้นปี 2555 อันเนื่องมาจากการขยายสินเชื่ออย่างรวดเร็วในช่วงเวลาดังกล่าว ในปี 2557 บริษัทยังคงจ่ายหุ้นปันผลอีกครั้งแต่สินเชื่อเติบโตน้อยลง ส่งผลให้อัตราส่วนของส่วนของผู้ถือหุ้นต่อสินทรัพย์รวมเพิ่มขึ้นเป็น 13.9% ในปี 2557

     และ 15.5% ในปี 2558 เมื่อพิจารณาถึงอัตราส่วนของส่วนของผู้ถือหุ้นต่อสินทรัพย์รวมของบริษัทในปัจจุบันที่ระดับ 14% รวมถึงระดับความสามารถในการทำกำไรและนโยบายการจ่ายเงินปันผลในอนาคตแล้วทำให้คาดว่าอัตราส่วนดังกล่าวน่าจะเพียงพอสำหรับการเติบโตของสินเชื่อรวมในระดับประมาณ 10%-15% ต่อปีในช่วง 3 ปีข้างหน้า ในขณะที่การขยายธุรกิจที่นอกเหนือจากที่คาดการณ์ไว้นั้นบริษัทอาจต้องมีการปรับโครงสร้างเงินทุนใหม่เพื่อที่จะดำรงฐานทุนให้มีเพียงพอ

 

แนวโน้มอันดับเครดิต

       แนวโน้มอันดับเครดิต 'Stable'หรือ 'คงที่' สะท้อนถึงการคาดการณ์ของทริสเรทติ้งว่าผู้บริหารที่มากประสบการณ์ ตลอดจนประสิทธิภาพการปฏิบัติงานที่ปรับตัวดีขึ้น และการสนับสนุนจากธนาคารแม่จะช่วยให้บริษัทสามารถขยายสินเชื่อและรักษาสถานะทางการตลาดในตลาดเป้าหมายได้ นอกจากนี้ ยังคาดว่าบริษัทจะสามารถควบคุมและรักษาคุณภาพสินทรัพย์ให้อยู่ในระดับที่ยอมรับได้และรักษาระดับการทำกำไรที่ดี อีกทั้งการสนับสนุนจากธนาคารแม่ยังคาดว่าจะมีอยู่อย่างต่อเนื่องโดยเฉพาะการให้ความช่วยเหลือในด้านเงินทุน

       อันดับเครดิตและ/หรือแนวโน้มอันดับเครดิตของบริษัทอาจถูกปรับเพิ่มขึ้น หากบริษัทสามารถพัฒนาสถานะทางการตลาดและสถานะทางการเงินเพิ่มขึ้นได้อย่างมีนัยสำคัญ ในทางกลับกัน อันดับเครดิตและ/หรือแนวโน้มอันดับเครดิตของบริษัทอาจถูกปรับลดลงหากสถานะทางการตลาดและคุณภาพสินเชื่อของบริษัทอ่อนแอลงอย่างต่อเนื่อง หรือสถานะความเสี่ยงและโครงสร้างเงินทุนของบริษัทถดถอยลงอย่างมีนัยสำคัญ ทั้งนี้ การเปลี่ยนแปลงของระดับการสนับสนุนจากธนาคารแม่ที่มีต่อบริษัท หรือการเปลี่ยนแปลงสถานะของบริษัทในการเป็นบริษัทย่อยที่มีความสำคัญในเชิงกลยุทธ์ต่อธนาคารแม่อาจมีผลกระทบต่ออันดับเครดิตและ/หรือแนวโน้มอันดับเครดิตของบริษัทในอนาคต

บริษัท ราชธานีลิสซิ่ง จำกัด (มหาชน) (THANI)

อันดับเครดิตองค์กร:              A-

อันดับเครดิตตราสารหนี้:

THANI185A: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 2,000 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2561           A-

THANI193A: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 2,000 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2562           A-

THANI201A: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 1,510 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2563           A-

THANI203A: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 1,450 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2563           A-

THANI205A: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 1,000 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2563           A-

THANI206A: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 2,000 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2563           A-

THANI208A: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 1,500 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2563           A-

หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน วงเงินไม่เกิน 3,000 ล้านบาท อายุไม่เกิน 3 ปี            A-

แนวโน้มอันดับเครดิต:     Stable

 

บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด/ www.trisrating.com

         ติดต่อ This email address is being protected from spambots. You need JavaScript enabled to view it.  โทร. 0-2231-3011 ต่อ 500 อาคารสีลมคอมเพล็กซ์ ชั้น 24 191 ถ. สีลม กรุงเทพฯ 10500

         บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด สงวนลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2560 ห้ามมิให้บุคคลใด ใช้ เปิดเผย ทำสำเนาเผยแพร่ แจกจ่าย หรือเก็บไว้เพื่อใช้ในภายหลังเพื่อประโยชน์ใดๆ ซึ่งรายงานหรือข้อมูลการจัดอันดับเครดิต ไม่ว่าทั้งหมดหรือเพียงบางส่วน และไม่ว่าในรูปแบบ หรือลักษณะใดๆ หรือด้วยวิธีการใดๆ โดยที่ยังไม่ได้รับอนุญาตเป็นลายลักษณ์อักษรจาก บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ก่อน การจัดอันดับเครดิตนี้มิใช่คำแถลงข้อเท็จจริง หรือคำเสนอแนะให้ซื้อ ขาย หรือถือตราสารหนี้ใดๆ แต่เป็นเพียงความเห็นเกี่ยวกับความเสี่ยงหรือความน่าเชื่อถือของตราสารหนี้นั้นๆ หรือของบริษัทนั้นๆ โดยเฉพาะ ความเห็นที่ระบุในการจัดอันดับเครดิตนี้มิได้เป็นคำแนะนำเกี่ยวกับการลงทุน หรือคำแนะนำในลักษณะอื่นใด การจัดอันดับและข้อมูลที่ปรากฏในรายงานใดๆ ที่จัดทำ หรือพิมพ์เผยแพร่โดย บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ได้จัดทำขึ้นโดยมิได้คำนึงถึงความต้องการด้านการเงิน พฤติการณ์ ความรู้ และวัตถุประสงค์ของผู้รับข้อมูลรายใดรายหนึ่ง ดังนั้น ผู้รับข้อมูลควรประเมินความเหมาะสมของข้อมูลดังกล่าวก่อนตัดสินใจลงทุน บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ได้รับข้อมูลที่ใช้สำหรับการจัดอันดับเครดิตนี้จากบริษัทและแหล่งข้อมูลอื่นๆ ที่เชื่อว่าเชื่อถือได้

        ดังนั้น บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด จึงไม่รับประกันความถูกต้อง ความเพียงพอ หรือความครบถ้วนสมบูรณ์ของข้อมูลใดๆ ดังกล่าว และจะไม่รับผิดชอบต่อความสูญเสีย หรือความเสียหายใดๆ อันเกิดจากความไม่ถูกต้อง ความไม่เพียงพอ หรือความไม่ครบถ้วนสมบูรณ์นั้น และจะไม่รับผิดชอบต่อข้อผิดพลาด หรือการละเว้นผลที่ได้รับหรือการกระทำใดๆโดยอาศัยข้อมูลดังกล่าว ทั้งนี้ รายละเอียดของวิธีการจัดอันดับเครดิตของ บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด เผยแพร่อยู่บน Website: http://www.trisrating.com/th/rating-information-th2/rating-criteria.html

ooKbee1

corehoon NEW2

 

 

ข่าวล่าสุด!!